หลักการออกแบบและสร้างรถยนต์ที่ผลิตออกมาขายเป็นจำนวนมากๆ โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ให้ความสำคัญและคำนึงถึงความสมดุลของปัจจัยหลักต่างๆในตัวรถรุ่นนั้นๆ ซึ่งรวมไปถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น ราคาค่าตัว ความแข็งแกร่งทนทาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไม่สูงมากเกินไป สมรรถนะในการเรียกแรงม้าและถ่ายเทแรงบิดลงสู่พื้นถนน จากการพัฒนา ทดสอบและสร้างรถยนต์มานานกว่า 70 ปี ก่อกำเนิดเครื่องจักรกลที่ใช้ในการเคลื่อนที่เดินทางของมนุษย์ในรถยนต์ ตระกูล Corolla ซีดาน 4 ประตูสไตล์ครอบครัว ที่ถูกขายไปนับล้านๆคัน แสดงให้เห็นถึงความนิยมในคุณภาพและสมรรถนะได้เป็นอย่างดี


Toyota New Altis 1.8 G Minor Change 2011
หลังจากช่วงเวลาในการเปิดตัวของรถยนต์โมเดลที่ 10 ในตระกูล Corolla Altis จากค่ายสามห่วงผ่านมาได้ 2 ปีแล้ว ก็ได้เวลาที่จะลงมือลงแรงทำการปรับโฉมรถ Altis ในรูปแบบ Minor Change กันเสียที ซึ่งนอกเหนืิอไปจากการเปลี่ยนรายละเอียดของหน้ากระจัง ไฟท้าย รายละเอียดอีกนิดหน่อยภายในห้องโดยสารแล้ว วิศวกรของค่าย Toyota ยังทำการปรับเปลี่ยนหัวใจใหม่ให้กับเจ้า New Altis Minor Change 2011 อีกด้วย จากการเปลี่ยนเครื่องยนต์รหัส ZR-FE มาเป็น ZZ-FE ซึ่งใช้ระบบ Dual VVT-I ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจากเครื่อง 3S-GE Beams ในเรื่องของการแปรผันทั้งระบบวาล์วไอดี และวาล์วไอเสียไปตามความเร็วในการหมุนของรอบเครื่อง ช่วยเค้นพลังแรงบิดในย่านรอบเครื่องสูงๆได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เครื่องยนต์ยังมีให้เลือกใช้กันมากถึง 3 ระดับความจุ เช่น รุ่น 1.6 ลิตร ZRE 141 ติดตั้งระบบ Gas CNG มาจากโรงงาน รุ่น 1.8 ลิตร ZRE 142 ระบบวาล์วแปรผันรุ่นล่าสุด Dual VVT-I และรุ่นสูงสุด 2.0 ลิตร ZRE 143 พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ Dual VVT-I ส่วนรถคันที่ทางบริษัท Toyota Thailand ให้มาทดสอบเป็นรถ New Altis 1.8 G Model Minor Change 2011 ZRE 142 -เครื่องยนต์ 2 ZZ-FE Dual VVT-I พร้อมเกียร์อัตโนมัติล่าสุด Super CVT-i

...


The Design
รถยนต์ Toyota New Altis 1.8 G Minor Change 2011 ยังคงใช้ไฟหน้าในรูปแบบเดิมที่คมเข้ม กระจังหน้าโครเมี่ยมเข้ากับสปอยเลอร์รูปทรงเรียบๆ ด้านชายล่างของตัวสปอยเลอร์หน้ามีช่องรับอากาศเป็นตะแกรงพลาสติกสีดำ ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้เนื่องจากมีเฉพาะรุ่น 2.0 (สามารถสั่งซื้อและติดตั้งได้ในศูนย์บริการของ Toyota) ไฟหน้าฮาโลเจนใช้หลอดขั้วมีจานสะท้อนด้านหลังเป็นโครเมี่ยมอยู่ในกรอบ พลาสติกโพลิเมอร์ใสแจ๋วพร้อมไฟเลี้ยวตรงมุม ฝากระโปรงหน้าเทลาดรับกับแนวลาดเอียงของกระจกหน้าที่มีความลาดเอียงแบบ สปอร์ต การออกแบบให้กระจกหน้าลาดเอียงกว่าปกติคล้ายกับรถ Honda Civic โมเดลล่าสุดเนื่องจากต้องการลดค่าสัมประสิทธิแรงต้านทานของอากาศซึ่งส่งผลดี ไปถึงการประหยัดเชื้อเพลิงในเมื่อรูปทรงของตัวรถด้านที่จะเข้าปะทะกับอากาศ มีความลู่ลมเพิ่มขึ้น กระจกบานหน้ายังมีขนาดใหญ่ ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นกว้างไกลแต่จะไม่เห็นส่วนขอบของฝากระโปรงหน้า ซึ่งเป็นไปตามการออกแบบรถยนต์ในยุคใหม่ของแทบทุกค่าย

...


The Design
รูป ลักษณ์ด้านข้างจากสันคมๆของฝากระโปรงเมื่อมองจากด้านข้างไล่แนวจากบังโคลน เป็นเส้นขอบถึงแนวของมือจับประตู ขอบกันกระแทกตรงชายล่างของประตูยังเสริมความเข้มขึ้นอีกนิดด้วยการเดินเส้น โครเมี่ยมเส้นเล็กๆ ในการใช้งานจริงคงไม่สามารถกันกระแทกอะไรได้เลยและมันมีไว้เพื่อเพิ่มเติม ความสวยงามของรูปทรงด้านข้างตัวรถเท่านั้น กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวขอบเลนส์พลาสติกสีขาวใช้หลอดไฟเลี้ยวสีเหลือง มุมบนของบังโคลนทั้งสองข้างแปะสัญลักษณ์ Dual VVT-I เพื่อบ่งบอกว่ามันมีระบบแปรผันวาล์วไอดี-ไอเสียรุ่นล่าสุด( แต่ระบบ Dual VVT-I มีประจำการอยู่ในเครื่อง 3S-GE Beams ของรถ Lexus IS200 มานานแล้ว ฝาสูบของเครื่อง 3S Beams พัฒนาโดยวิศวกรของ Yamaha) แนวลาดของกระจกหน้าทำให้มุมมองของกระจกประตูดูเล็กลงเนื่องจากการออกแบบบาน ประตูให้ความรู้สึกโอบอุ้มผู้โดยสารทั้งหมดเมื่อเข้าไปนั่งภายใน มือจับและการเปิด-ปิดประตูทุกบานหนักแน่นขึ้นกว่ารุ่นเก่า เสาหลังสอดรับไปกับแนวหลังคาได้ดีโดยมีล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน 5 รูน็อตยึด ขนาด 16 นิ้ว ห่อรัดเอาไว้ด้วยยางแบบสปอร์ตของ Dunlop รุ่น SP Sport 01 ไซล์ 205/55/r16 แม้แต้ฝาปิดดุมล้อ Logo-Toyota ยังทำลายรังผึ้งไว้ด้านในอย่างละเอียดและสวยงาม

...

...


The Design
บั้นท้าย ของตัวรถมีเลนส์ไฟท้ายทรงรีแทนที่ของเดิมๆที่คล้ายกับรูปนกหวีด กรอบไฟท้ายใสภายในมีหลอด LED และหลอดธรรมดา สีของเลนส์ไฟท้ายมีทั้งขาว แดงและชมพูอ่อนๆช่วยทำให้บั้นท้ายของ New Altis 1.8 G Minor Change ดูดีขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดและน่าจะใช้รูปแบบนี้ซะตั้งแต่แรกเริ่ม เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ เสีียงครหาในเรื่องทรงของไฟท้ายจะได้หมดไปเสียที ใจกลางขอบฝากระโปรงหลังใช้แผงโครเมี่ยมเงาแว้บคาดกลาง ส่งผลให้มันดูดีมีราคาขึ้นมาเลยทีเดียว กระจกบานหลังภายในยังมีไฟเบรคดวงที่สามอยู่ตรงกึ่งกลางของขอบกระจกใช้หลอด LED ช่วยเพิ่มตำแหน่งของแสงไฟในขณะที่ผู้ขับกดเบรคแบบเห็นกันจะๆ ชายล่างของสปอยเลอร์หลังมีแถบสะท้อนแสงพลาสติกสีแดงที่ถูกปรับเปลี่ยนรูปทรง จากทรงกลมในรุ่นที่แล้วมาเป็นทรงรีในรุ่น Minor Change การสะท้อนกับแสงไฟชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ฝาท้ายเมื่อเปิดออกจะพบกับพื้นที่กว้างๆให้ขนสัมภาระกันอย่างจุใจและสามารถ วางถุงกอล์ฟตามขวางได้อย่างสบายๆ


Cockpit
ภาย ในค็อกพิตกว้างขวางนั่งสบายแบบผู้ใหญ่ 4 คน เด็กอีก 1 คน เบาะ คอนโซล อุปกรณ์พวกปุ่ม สวิชท์ต่างๆยังคงใช้สไตล์ของ Toyota พลาสติกของแด็ชบอรด์เป็นแบบธรรมดา แต่มีงานประกอบที่ดีขึ้นกว่าเดิมบนรอยต่อต่างๆทำได้สนิทแนบแน่นดี ตัวแผงหน้าปัดเป็นโฟมขึ้นรูปน่าตาทื่อๆแบบอนุรักษ์นิยม เน้นเอาใจพวกผู้ใหญ่วัยทำงานมากกว่าเด็กวัยรุ่นโดยใช้สีทูโทน ด้านบนเป็นสีดำเพื่อลดการสะท้อนของแสงแดด ส่วนด้านล่างสีครีม ถุงลมนิรภัยมีมาให้ทั้งคนขับและคนนั่งด้านหน้า ช่องเก็บของมีให้อย่างจุใจรวมถึงที่วางแก้วตรงบริเวณคอนโซลเกียร์กับพนัก ท้าวแขน มาตรวัดแบบเรืองแสง Optitron ทำเป็นรูปทรงกลม ซ้ายมือบอกรอบเครื่องยนต์ ส่วนขวามือบอกความเร็วที่ให้มาถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (แต่ขับกันจริงๆคงไม่ถึง) ด้านล่างของวงหน้าปัดวัดรอบเป็นจอ MID บอกการใช้พลังงานในขณะที่กดคันเร่งและนาฬิกาดิจิตอล ส่วนจอด้านล่างของหน้าปัดบอกความเร็วเป็น Tip Meter แจ้งระยะทาง อัตราการใช้เชื้อเพลิง ระยะทางที่ขับได้จากน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง รวมถึงมันยังทำหน้าที่บอกตำแหน่งของเกียร์ Super CVT-i ในโหมด Sequential อีกด้วย


Cockpit
วงพวงมาลัยแบบ 4 ก้าน หุ้มด้วยหนังแท้มีสวิชท์ปรับชุดเครื่องเสียงติดมาให้ที่มุมซ้ายมือ พวงมาลัยหุ้มหนังแท้วงนี้ของ New Altis จับได้อย่างกระชับมือ สามารถปรับสูง-ต่ำ ใกล้-ไกลได้ คอนโซลกลางมีชุดเครื่องเสียงอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอลกับช่องเก็บของมีที่จุดบุหรี่ กับช่องใส่ของแบบมีฝาปิดโดยใช้พลาสติกสีเงินยวง ถัดมาเป็นซุ้มเกียร์แบบร่องหรือ Gate Typt พร้อมระบบ Sequential มีเครื่องหมาย +- ให้สับเปลี่ยนด้วยตัวของผู้ขับเองก็ได้หากเกิดอารมณ์ซิ่ง เบาะทุกตำแหน่งหุ้มด้วยหนังแท้มีรูระบายอากาศติดมาให้กันการอับชื้น ตำแหน่งของการขับขี่จะรู้สึกว่ามันสูงไปสักนิด แต่ทำให้การมองรอบตัวมีมุมมองที่เปิดโล่ง เบาะหลังมีพนักพิงศีรษะตรงกลางแบบรถยุโรปราคาแพงให้มาด้วย เบาะด้านหลังยังสามารถนั่งกันแบบชิลล์ๆโดยมีพื้นที่ในการวางขาพอสมควร รวมถึงการตกแต่งภายในที่มีความเหมาะสมกับความเป็นรถยนต์ยี่ห้อ Toyota ทำให้ความนิยมในพื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารในรถ New Altis จะยังคงอยู่ต่อไปอีกนานจากการออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์การใช้สอยอย่าง สูงสุด


Engine 2 ZZ-FE Dual VVT-I
เครื่องยนต์ 2 ZZ-FE DOHC 16 วาล์ว ระบบวาล์ไอดี-ไอเสียแปรผัน Dual VVT-I ปริมาตรความจุ 1794 c.c. กระบอกสูบกว้าง 80.05 มิลลิเมตร ความยาวช่วงชัก 88.5 มิลลิเมตร มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 10.0:1 ใช้ระบบ EFI หััวฉีดอีเล็คทรอนิค ระบบจุดระเบิดแบบไดเร็คคอยล์ DIS พร้อมกล่องควบคุม Engine Control แบบ 32 บิตของ Fujitsuten วางอยู่ด้านบนใกล้กับชุดกรองอากาศ สร้างแรงม้าได้ 140 แรงม้าและมีแรงบิดพอท้วมๆที่ 17.64 กิโลกรัม/เมตร หรือ 173 นิวตัน-เมตรที่ 4000 รอบต่อนาที ฝาสูบและเสื้อสูบใช้วัสดุอัลลอย วาล์วแบบลูกถ้วยไฮดรอลิค บริเวณฝาสูบมีระบบ Dual VVT-I ติดตั้งเพื่อแปรผันการทำงานของวาล์วทั้งสองฝั่ง (วาล์วไอดีและวาล์วไอเสีย) ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-I รับสัญญาณจากกล่อง ECU ปรับเปลี่ยนแปรผันไปตามแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง แรงบิดจะเริ่มมาในช่วง 1500 รอบต่อนาทีทำให้การขับขี่ภายในเมืองมีความคล่องตัวใช้ได้เมื่อต้องการ เปลี่ยนช่องทางหรือออกตัวเมื่อมีสัญญาณไฟเขียว ที่รอบเครื่องในระดับกลางๆ 2500-3800 รอบต่อนาทีดูเหมือนจะอึดไปนิด แต่เมื่อพ้นย่านนั้นแล้วพุ่งเข้าสู่รอบเครื่องสูงๆที่ 4000-5500 รอบต่อนาที ผู้ขับจะรู้สึกได้ถึงแรงดึงเล็กๆที่พาตัวรถให้พุ่งทะยานไต่ระดับความเร็วตาม นิสัยของเครื่องแคมและวาล์วแปรผันที่นิยมชมชอบรอบสูงๆ


Engine 2 ZZ-FE Dual VVT-I
เครื่องยนต์ ตัวนี้มีเทคโนโลยีใหม่อยู่พอสมควรจึงทำให้การเรียกใช้งานเมื่อกดคันเร่งมี การตอบสนองที่ดี การทำงานในช่วงเดินเบาถ้าไม่เปิดระบบปรับอากาศ รอบเครื่องยนต์จะต่ำเพียง 500 รอบต่อนาที แต่มันเดินเบาได้นิ่งมากๆแถมยังเงียบจนบางครั้งทำให้นึกไปว่ายังไม่ได้ติด เครื่องยนต์เสียอีก คันเร่งไฟฟ้าแบบ Drive-By-Wire ถูกปรับตั้งมาให้ขยันขันแข็งกระฉับกระเฉงพอควรเลยทีเดียวแบบกดปุ๊บมาปับ ถึงแม้จะไม่แรงจนกระชากให้หลังติดเบาะแต่ก็ไม่อึดจนเสียอารมณ์เมื่อต้องการ เร่งแซงรถช้า แต่ความรู้สึกของคันเร่งจะออกเบาไปนิด ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัต Super CVT-i ที่ให้อัตราทดมาถึง 7 ตำแหน่งเดินหน้า ที่ึความเร็วเดินทาง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรอบเครื่องยนต์ที่ 2800 รอบต่อนาที เป็นผลงานไฮเทคในเกียร์ Overdrive ของเจ้าเกียร์ Super CVT-i 7 สปีดลูกนี้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย เกียร์ Super CVT ใช้พูเล่ย์แบบต่างขนาด 2 ตัววิ่งขึ้น-ลง ทำให้การเปลี่ยนเกียร์มีความราบเรียบและนุ่มนวลจนไม่รู้สึกเลยว่ามันได้ เปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง ซึ่งให้ความรู้สึกที่เนียนจนเกินเหตุ แต่ก็ถูกใจผู้ใช้รถที่ชอบไปแบบนิ่มๆไม่กระตุกกระชากให้เสียอารมณ์ นอกจากนั้นยังได้ความประหยัดเป็นของแถมอีกด้วย


New Altis Suspension
ระบบ รองรับของ New Altis 1.8 G Dual VVT-I ด้านหน้าใช้โช็คอัพและสปริงกับเหล็กกันโคลงแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ตัวโช็คอัพเป็นของ Kayaba ส่วนตัวสปริงเป็นแบบขดห่างวงกว้างขึ้น กันสะเทือนหลังเป็นแบบกึ่งคานแข็งหรือทอร์ชั่นบีม ตัวเมนหลักใช้คานรับแรงบิด Axle Beam ขึ้นรูปจากแผ่นเหล็กหนา 5 มิลลิเมตร โดยการออกแบบตัวคานจะมีความโค้งเล็กน้อยเพื่อทำให้ส่วนโค้งช่วยเพิ่มความ ยืดหยุ่น จากการทดลองขับระบบกันสะเทือนของ New Altis จะหนึบขึ้นเล็กน้อยและทรงตัวได้ดีกว่ารุ่นเดิมเมื่อใช้ความเร็วสูง ความนุ่มนวลของช่วงล่างอยู่ในระดับพอดี ไม่แข็งกระด้างหรือย้วยจนน่ากลัวแบบรุ่นท้ายโด่ง เมื่อวิ่งผ่านรอยต่อของถนนหรือคอสะพาน ช่วงล่างของมันรับหน้าที่ซึมซับการกระแทกได้ดี เสียงการทำงานของช่วงล่างแทบจะไม่ได้ยินลอดเข้ามาเลยซึ่งเกิดจากการหุ้ม วัสดุซับเสียงในหลายๆจุด การวิ่งเข้าสู่ทางโค้งยาวๆด้วยความเร็วสูงตัวรถยังคงมีอาการเป็นกลาง ซึ่งเกิดจากการใช้ระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้า ESP ที่จะเริ่มหน่วงน้ำหนักของพวงมาลัยแปรผันไปตามความเร็ว


New Altis With Electric Power Steering
ต้อง ยอมรับว่าวิศวกรของค่าย Toyota ลงมือลงแรงอย่างหนักกับระบบรองรับและพวงมาลัยไฟฟ้าซึ่งทำออกมาได้อย่างน่า ประทับใจ ในย่านความเร็วเดินทางที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ้าเป็นทางตรงยาวๆ บนผิวถนนเรียบๆสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้เลย ตัวรถไม่มีอาการวอกแวกแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นถึงความนิ่งของระบบรองรับและพวงมาลัยไฟฟ้าที่ถูกปรับตั้งให้ ทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งผิดกับความคิดเดิมๆที่คิดว่าช่วงล่างของมันคงจะแค่พอได้อาศัยเท่านั้น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ESP หรือ Electric Power Steering เมื่อตัวรถอยู่กับที่จะมีความเบาสบายเหมาะสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆที่สามารถ ใช้นิ้วเกี่ยวแล้วหมุนได้เลย ความเบาของพวงมาลัยยังช่วยให้การหักเลี้ยวตัวรถเป็นไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว ไม่ว่าจะเลี้ยวกลับลำ ถอยเข้า-ออกในที่แคบๆ หรือการเปลี่ยนช่องทางมีความแม่นยำดีขึ้นจนผิดคาด รวมถึงการขับขี่ในย่านความเร็วสูงที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะหน่วงให้พวงมาลัยมีความหนักขึ้นไปเรื่อยๆตามค่าของความเร็วซึ่งนอกจาก จะไม่สร้างปัญหาในย่านความเร็วสูงแล้วมันยังให้ความรู้สึกที่ใช้ได้เลยที เดียว


Brake System
ระบบห้ามล้อของ New Altis 1.8 G เป็นแบบดิสเบรคทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเบรคอีกเพียบเช่นระบบป้องกันล้อล็อกในระหว่างการเบรค ABS 4 Sensor 4 Channel ระบบกระจายแรงเบรค EBD -Electronic Brake Force Distribution ระบบเสริมแรงเบรคหรือ BA-Brake Assist คาร์ลิปเปอร์เบรคเป็นวัสดุอลูมินัมอัลลอย ใช้กลไกในคาร์ลิปเปอร์แบบสไลส์ลูกสูบเดี่ยวทั้งด้านหน้าและหลัง จานดิสเบรคเหล็กหล่อด้านหน้าขนาด 275 มิลลิเมตร มีร่องระบายความร้อนตรงกลางหนา 22 มิลลิเมตร ส่วนจานหลังขนาด 259 มิลลิเมตร ระบบเบรคทั้งหมดใช้หม้อลมพร้อมแม่ปั้มเบรค แป้นเบรคมีน้ำหนักเบาไปนิด กดแรงๆถึงกับล็อกแต่สามารถเอาตัวรถให้หยุดได้อย่างสบายๆถ้าไม่กระทืบคันเร่ง กันแบบขาดสติ เมื่อแตะเบรคสำหรับการใช้งานในเมืิองมีความนิ่มนวลให้สัมผัส เบรคจะจับแบบมาไวตามสไตล์ดิสเบรค 4 ล้อ


New Altis 1.8 G Test Drive
ผม รับรถ Toyota Corolla New Altis 1.8 G Dual VVT-I มาขับใช้งานในกรุงเทพฯอยู่ 3-4 วัน พอวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการจึงสบโอกาศนำเจ้า New Altis 1.8 G ออกทดสอบแบบวิ่งทางไกลยาวๆเพื่อดูอัตราเร่ง การทรงตัว การควบคุมในช่วงความเร็วสูงและอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยใช้เส้นทางเรียบด่วนรามอินทรา มุ่งหน้าถนนวงแหวนตะวันออกกาญจนาภิเษกแล้วตัดเข้าถนนรังสิต-องค์รักษ์เพื่อ ไปเก็บภาพรถ New Altis แถวน้ำตกนางรองในจังหวัดนครนายก ตลอดเส้นทางหลังจากผ่านแยกรังสิต-องค์รักษ์ แม้จะเป็นวันหยุดและเป็นเส้นทางท่องเที่ยวน้ำตกของคนเมือง แต่ปริมาณรถกลับน้อยลงอย่างน่าใจหาย คงเนื่องจากสภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทั่วไปในจังหวัดทางภาคกลาง ภาคอีสานรวมถึงบางจังหวัดในภาคใต้จึงทำให้จำนวนคนที่เดินทางไปเที่ยวใน จังหวัดนครนายกน้อยลงไปในระยะนี้


New Altis 1.8 G Test Drive
การ ทำความเร็วบนถนนที่โล่งโปร่งสบายสามารถกดกันได้ถึง 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงใกล้ถึงแยกโรงเรียนนายร้อยจปร. ซึ่งเหมือนกับการขับอยู่คันเดียวบนถนน ที่ความเร็วเดินทางระหว่าง 120-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาการนิ่งและมั่นคงยังคงปรากฎให้เห็น ต่อเมื่อความเร็วผ่าน 160 ไปแล้วตัวรถจะออกอาการโยนเล็กน้อยซึ่งความเร็วดังกล่าวไม่แนะนำให้วิ่งแช่ กันยาวๆเนื่องจากระยะเบรคจะน้อยลงมาก เส้นทางเลี่ยงเมืองโดยเลี้ยวซ้ายเข้าโรงเรียนนายร้อยแล้วเลี้ยวขวาอีกที บริเวณแยกไฟแดงเส้นนครนายก-สระบุรียิ่งรถร้างรถยนต์และผู้คนเนื่องจากยัง เช้าอยู่มาก รถ Toyota Corolla New Altis 1.8 G Dual VVT-I แสดงสมรรถนะอันแท้จริงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดในเรื่องของการตัดต่อเกียร์ ขึ้นลงที่เรียบเนียน ไร้สิ้นซึ่งรอยต่อระหว่างเกียร์และอาการกระตุกกระชากใดๆทั้งสิ้น เส้นทางตัดใหม่เพื่อเลี่ยงตัวเมืองนครนายกที่เพิ่งจะเสร็จได้ไม่นานมีความ เรียบสนิทไร้หลุมและลอนคลื่น ยิ่งทำให้เกียร์ CVT 7 สปีดทำงานอย่างนิ่มนวล แม้จะลองจมคันเร่งกันแบบมิดๆเพื่อเร่งแซงรถช้า การถ่ายกำลังจากเกียร์ต่ำไปยังเกียร์สูงสุดไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเกียร์ CVT เปลี่ยนเกียร์ไปแล้วและอยู่ในเกียร์ใด มีเพียงอาการพุ่งทะยานเพิ่มระดับความเร็วที่ต้องสังเกตเอาเองบนมาตรวัด ในการถอนคันเร่งทันทีทันใดรอบเครื่องยนต์กับความเร็วจะค่อยๆลดลงทีละน้อยแบบ ค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่สะใจพวกชอบรถมาดสปอร์ตที่มีอาการกระตุกกระชากบ้างเมื่อกดคันเร่งหรือ ยกคันเร่ง แต่ถูกใจคนวัยทำงานรวมถึงพวกชอบขับรถแบบสุขุมนุ่มลึก ปุ่ม อุปกรณ์ต่างๆอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกในการใช้งาน เครื่องเสียงวิทยุ AM-FM / CD/MP3 พร้อมช่องต่ออุปกรณ์แยก AUX มีมาให้ครบ เสียงจากลำโพงใช้ได้เลยและแทบไม่ต้องไปดิ้นรนหาติดเพิ่มหากฟังกันแบบปกติ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลใช้งานง่ายและเย็นจนเหมือนกับอยู่ในตู้น้ำแข็งตาม ลักษณะและมาตรฐานของระบบแอร์ในรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota


New Altis 1.8 G Test Drive
ตำแหน่ง ของการนั่งขับอยู่สูงไปนิดแม้จะปรับให้ต่ำลงแล้วแต่ก็ปรับได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งเบาะนั่งคู่หน้าที่ให้ความรู้สึกว่าสูง จะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นรอบคันกว้างไกลยิ่งขี้น ในรถคันทดสอบติดฟิมส์กรองแสงแบบเข้มมาให้เพื่อกันความร้อน ทำให้การมองเห็นไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควรหากมีฝนตกหรือมีหมอกลงจัด แต่ในวันที่แดดแรงๆมันช่วยทำให้รังสี UV ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้และช่วยระบบปรับอากาศให้ทำงานน้อยลง คันเกียร์อัตโนมัติแบบร่องหรือ Gate Typt พร้อมระบบทริปทรอนิค Sequential แทบจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้เมื่อไม่ได้ขับผ่านเส้นทางที่เป็นภูเขาหรือเนิน สูงชัน แต่ถ้าเกิดมันส์ในอารมณ์โดยอยากสับเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองก็ง่ายและสะดวก ด้วยการดันคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง +- แต่ความที่เป็นเกียร์แบบสายพานพูเล่ย์ CVT ทำให้อัตราการชิฟขึ้น-ลงไร้ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้นอย่างที่กล่าวมาแล้ว บนเส้นทางขึ้น-ลงภูเขาในเขื่อนขุนด่านฯ ระบบส่งกำลังจัดการชิฟเกียร์ให้เองแบบนิ่มๆสบายๆ ถึงแม้จะนั่งขับมานานกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว อาการเมื่อยล้าก็ไม่ปรากฎให้เห็นซึ่งรถ New Altis 1.8 G มีความเหมาะสมกับการขับทางไกลไม่น้อยไปกว่าการขับใช้งานภายในเมือง อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับฝ่าเท้าของผู้ขับ ว่าจะกดกันตลอดทางหรือไปกันแบบเรื่อยๆสบายๆ การขับขี่ในระดับปกติอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะอยู่ประมาณ 17 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ถ้าหากเกิดอารมณ์รีบร้อนแล้วกดกันมิดๆตลอดทาง การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะเพิ่มสูงขึ้นทันทีซึ่งเป็นไปตามการเรียกพลังและ แรงบิดออกมาใช้จึงต้องจ่ายกันพอสมควรประมาณ 8-10 กิโลเมตรต่อลิตร ทั้งหมดทั้งปวงคงต้องยกประโยชน์ให้กับการออกแบบเครื่องยนต์กับระบบส่งกำลัง ที่ทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สมกับคำพูดในโฆษณาว่า ถ้าอยากรู้ว่า New Altis 1.8 G ดีอย่างไรก็ต้อง "ลองขับดูแล้วจะรู้เอง"


New Altis 1.8 G Dual VVT-I Specifications
แบบ...........................................ซีดาน 4 ประตู
เครื่องยนต์..................................2 ZZ-FE DOHC แถวเรียง 4 สูบ
วาล์ว.........................................4 วาล์วต่อสูบ=16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-I
ปริมาตรความจุ(c.c.)....................1798 c.c.
กระบอกสูบ................................80.5 มิลลิเมตร
ความยาวช่วงชัก.........................88.5 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด.......................10.0:1
แรงม้าสูงสุด...............................140 แรงม้าที่ 6200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด..............................173 นิวตัน-เมตรที่ 4000 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง.....................................0-100 กิโลเมตรใน 10.5 วินาที
ความเร็วสูงสุด............................183 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบจุดระเบิด............................อีเล็คทรอนิค ไดเร็คคอยล์
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง......................หัวฉีดอีเล็คทรอนิค EFI
ระบบส่งกำลัง.............................เกียร์อัตโนมัต Super CVT-i 7สปีด พร้อมระบบ Sequential Tiptronic
ระบบพวงมาลัย...........................แร็คแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์ไฟฟ้า ESP แปรผันตามความเร็ว
ระบบ เบรค..................................ดิสเบรคทั้ง 4 ล้อพร้อมระบบ ABS 4 Sensor 4 Channel /ระบบกระจายแรงเบรค EBD -Electronic Brake Force Distribution /ระบบเสริมแรงเบรคหรือ BA-Brake Assist
ด้านหน้า...................................จานดิสเบรคแบบมีร่องระบายความร้อนขนาด 275 มิลลิเมตร พร้อมคาร์ลิปเปอร์สไลส์ลูกสูบเดี่ยว
ด้านหลัง...................................จานดิสเบรคขนาด 259 มิลลิเมตร พร้อมคาร์ลิปเปอร์สไลส์ลูกสูบเดี่ยว
ล้อและยาง................................ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ยาง Dunlop รุ่น SP Sport 01ขนาด 205/55/r16 91Y
มิติตัวรถ
ความกว้าง.................................1760 มิลลิเมตร
ความยาว...................................4540 มิลลิเมตร
ความสูง....................................1465 มิลลิเมตร
น้ำหนัก.....................................1245 กิโลกรัม
ปริมาตรความจุถังเชื้อเพลิง...........55 ลิตร
ราคา.........................................919,000 บาท.

ขอบคุณบริษัท Toyota Thailand
Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th"
Facebook http://facebook.com/chang.arcom