ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงเรื่อง การประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-มันนี่) อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และมีบริษัทบางแห่งที่ไม่ได้ขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง รวมทั้งป้องกันการใช้อี-มันนี่ ในลักษณะการฟอกเงิน หรือการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ และคุณสมบัติการประกอบธุรกิจดังกล่าว จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ให้บริการ ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือกรรมการ หรือผู้ซึ่งมีอำนาจจัดการของนิติบุคคลอย่างชัดเจน อาทิ ต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ฯลฯ
ขณะที่ ระหว่างการให้บริการ หากผู้ประกอบการต้องการยื่นขอเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อผู้ให้บริการทราบแน่นอนว่าจะเปลี่ยนแปลงชื่อในวันใดแล้ว ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการและ ธปท.ทราบล่วงหน้า 15 วัน กรณีการหยุดให้บริการชั่วคราว หากเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ต้องแจ้ง ธปท. และผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า 15 วัน แต่หากเป็นการหยุดบริการ เนื่องจากเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ผู้ให้บริการต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว แต่หากเป็นกรณีที่ส่งผลกระทบในวงกว้างผู้ให้บริการต้องแจ้งให้ ธปท. และผู้ใช้บริการทราบโดยทั่วกัน ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่หยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีความสะดวกต่อการทำธุรกรรม หรือป้องกันการหลอกลวงได้ในระดับหนึ่ง และเรื่องของการกำหนดสกุลเงินในการบันทึก เป็นในบัตรเงินสด หรือใช้เป็นอี-มันนี่ ซึ่งผู้ให้บริการสามารถบันทึกมูลค่าเงินได้ทั้งเงินบาทและเงินสกุลต่างประเทศ หรือเป็นเงินสกุลต่างประเทศ 2 สกุลภายในบัตรเดียวกัน เป็นต้น.
...