ที่ดินหลังสวนแจงไม่ได้เลือกปฏิบัติ ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังชาวบ้านชุมพรทวงถามด้วยความสงสัย และเตรียมสอบกรณีดังกล่าวร่วมกับ อ.หลังสวน ออกสำรวจรังวัดทุ่งเลี้ยงสัตว์นาพญาทั้งหมดที่หายไปกว่า 900 ไร่...
จากกรณีที่นายวีระศักดิ์ ฤทธิโสม อายุ 34 ปี ชาวบ้านที่ อ.หลังสวน ฝากคำถามถึงพ่อเมือง หลัง จนท.ที่ดินมารังวัดตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์ทุ่งเลี้ยงสัตว์ เพียง 3 ราย จ่อยึดคืนเพียง 40 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นแปลงเดียวกันกว่า 900 ไร่ ไม่ตรวจ ซ้ำยังออก นส.3 ได้ด้วย อย่างนี้จะเรียกเลือกปฏิบัติหรือไม่ ตามที่ได้เสนอข่าว ชาวบ้านฝากถามผวจ.ชุมพร รุกที่สาธารณะ เลือกตรวจเฉพาะบางแปลงได้ด้วยหรือ ไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 เม.ย.60 นายทนงค์ รุ่งเรือง รักษาการ จพด.สาขาหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จนท.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่ได้ดำเนินการออกรังวัดตามขั้นตอนของราชการ ซึ่งที่ดินสาธารณะ “ทุ่งเลี้ยงสัตว์นาพญา” มีการขึ้นทะเบียนสงวนไว้เป็นที่เลี้ยงสัตว์เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2475 มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ เมื่อปี 2521 ทางอำเภอหลังสวนได้ขอให้ จนท.ออกรังวัดสำรวจเพื่อออก นสล. แต่ผลจากการรังวัดสามารถวัดได้เพียง 39 ไร่ 42 ตารางวา และมีการร้องคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่ แต่เนื่องจากพื้นที่ที่วัดได้ห่างจากความเป็นจริงมาก เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2522 จังหวัดชุมพรจึงได้ทำหนังสือถึงอำเภอหลังสวน ให้ร่วมกับสภาตำบลในขณะนั้นประชุม และชี้แจงข้อเท็จจริงและรายงานให้จังหวัดชุมพรทราบ แต่เรื่องดังกล่าวก็เงียบหายไป จนเมื่อปี 2547 ทางอำเภอหลังสวนก็ได้ทำเรื่องขอรังวัดตรวจสอบที่ดินแปลงเดิมอีกเพื่อจะออก นสล. อีกครั้ง และผลการรังวัดได้พื้นที่ 42 ไร่ 2 งานเศษ แต่ก็มีการร้องคัดค้านจากชาวบ้านอีก และออกครั้งสุดท้ายคือวันที่ 19 เม.ย.2560 จนกระทั่งกลายเป็นข่าวดังกล่าว
...
จากการสอบถาม จนท.ก็พอทราบว่าเมื่อปี 2520 มีชุดเดินสำรวจ รังวัด ลงพื้นที่เพื่อออก นส.3 แต่เนื่องจากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่สาธารณะ และปี 2539-2540 ก็มีชุดเดินสำรวจ รังวัด ลงพื้นที่เพื่อสำรวจออกโฉนด แต่ก็มีการร้องคัดค้านและจากการตรวจสอบของ จนท.ก็พบว่าพื้นที่บางส่วนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้จะได้ร่วมกับทางอำเภอหลังสวนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวอีกครั้งว่าพื้นที่อีกกว่า 900 ไร่หายไปไหน โดยส่วนตัวคิดว่าพื้นที่มันน้อยจากเอกสารมากจนเกินไปเช่นกัน

ด้าน นายถวิล มีแก้ว อายุ 80 ปี อดีตกำนันตำบลนาพญาเมื่อปี 2532-2540 กล่าวว่าเมื่อสมัยก่อนตอนที่ยังเด็กๆ พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าและทุ่งนาขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันชาวบ้านได้ปลูกปาล์มน้ำมันมาหลายสิบปีแล้ว และเมื่อปี 2496 มีการประกาศให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินให้ไปลงแจ้งทำ สค 1 และปี 2519 ก็ได้มีการเตรียมยื่นออกขอ นส.3 และชาวบ้านบางรายก็นำที่ไปขายให้นายทุน และหลายรายก็ใช้เป็นที่ทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน.