ตื่นหนีตาย-แขนขาหัก
พื้นไม้ชั้น 2 ตึกแถวที่ตั้งศูนย์บริการคนตาบอดแห่งชาติถล่ม ผู้พิการทางสายตาเกือบร้อยหนีตายจ้าละหวั่น ได้รับบาดเจ็บ 10 คน ช่วงเกิดเหตุนัดสอบประกาศนียบัตรวิชาชีพนวดแผนไทย ผู้พิการทางสายตามากันเต็มอาคาร หัวหน้าโยธาเขตบางกอกใหญ่สงสัย เป็นตึกเก่าตกแต่งพื้นและฝ้าเพดานใหม่ ไม่ได้เสริมคานรองเหนือฝ้าเพดานชั้นล่างเลยพังลงมา แต่ต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง ตำรวจฮึ่ม เตรียมแจ้งข้อหาดำเนินคดีคนผิดแล้ว
เหตุพื้นอาคารพาณิชย์ถล่มมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 31 มี.ค. ร.ต.อ.วิชิตพงศ์ คล้ายธาณาสงค์ รอง สว. (สอบสวน) สน.ท่าพระ รับแจ้งเหตุอาคารพาณิชย์ถล่มมีผู้พิการทางสายตาได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บริเวณยิ้มสู้คลินิกการแพทย์แผนไทย เลขที่ 61/32-38 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 11 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาและแจ้งหน่วยกู้ภัยร่วมตรวจสอบที่เกิด เหตุ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.ท่าพระ แพทย์กู้ชีพ รพ.วิชัยเวช หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู และเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาสำนักงานเขตบางกอกใหญ่
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ปลูกติดกัน 7 คูหา นอกจากเปิดเป็นคลินิกสอนนวดแผนไทยให้ผู้พิการทางสายตาแล้ว อาคารดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานศูนย์บริการคนตาบอดแห่งชาติ และมูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอด เบื้องต้นพบผู้พิการทางสายตานับร้อยที่เดินทางมาเรียนวิชานวดแผนไทย อยู่ในอาการแตกตื่นโกลาหล หนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น เนื่องจากพื้นไม้ชั้น 2 ของคูหาที่ 3 และ 4 สูงจากพื้นชั้นล่างประมาณ 3 เมตร เกิดพังถล่มทะลุฝ้าเพดานลงมา ทำให้ผู้พิการทางสายตาตกลงมาได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 10 คน เป็นชาย 9 คนและหญิง 1 คน
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพและกู้ภัยเร่งลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ศิริราช 6 คน ประกอบด้วยนายธีรพล บุตรวงค์ อายุ 17 ปี นายชัยวุฒิ คล้ายเกาะเกิด อายุ 17 ปี นายภานุวัฒน์ ผกาสี อายุ 20 ปี นายสมหมาย วงค์ศรีชัย อายุ 50 ปี นายสมภพ คำมาศ อายุ 41 ปี และนายจิรายุ หล้าเวียง อายุ 36 ปี นำส่ง รพ.ตากสิน 4 คน ประกอบด้วย นายเจริญชัย แก้วอ่อน อายุ 52 ปี นายมนัส ด้วงกำเนิด อายุ 34 ปี นายศุภณัฐ ยางขัน อายุ 24 ปี และ น.ส.อนามัย พะโยธา อายุ 38 ปี ทั้งหมดเป็นครูผู้ฝึกสอนและนักเรียนวิชานวดแผนโบราณที่พิการทางสายตา ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บถลอกปอกเปิกตามร่างกาย มีบางรายต้องเข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกแขนหรือขาหัก
...
นายสุพล อมรพิสิทธิกูล หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ กล่าวว่า สั่งการให้ปิดอาคารแห่งนี้เอาไว้ไม่ให้ใช้งานอย่างเด็ดขาดชั่วคราว เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จากการ ตรวจสอบด้วยสายตาพบว่าอาคารหลังนี้เป็นอาคารพาณิชย์เก่า ถูกตกแต่งโครงสร้างโดยเฉพาะพื้นและฝ้าเพดานขึ้นมาใหม่ คาดว่าช่วงที่ผู้ดูแลปรับปรุงโครงสร้างคงไม่ได้เสริมคานรองเหนือฝ้าเพดานชั้นล่างเพื่อความแข็งแรงเพิ่มเติม ทำให้พื้นชั้นสองถล่มลงมาเมื่อมีการรวมตัวของคนจำนวนมากภายในสถานที่ดังกล่าว วันจันทร์ที่ 3 เม.ย.นี้ตนจะพาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอาคารมาตรวจสอบสาเหตุการพังลงมาร่วมกับเจ้าหน้าที่ พฐ.
ด้าน ร.ต.อ.วิชิตพงศ์ คล้ายธาณาสงค์ กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอาคารทราบว่า อาคารแห่งนี้เป็นของศูนย์บริการคนตาบอดแห่งชาติมานานมากแล้ว แรกเริ่มมีเพียง 2 คูหา แต่ระยะหลังมีผู้พิการทางสายตามาขอรับความช่วยเหลือมากขึ้น สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยจึงช่วยสนับสนุนงบประมาณขยับขยายสำนักงานเพิ่มเติมเป็น 7 คูหา สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นเพราะวันนี้สถาบันนัดหมายให้ผู้พิการทางสายตา 97 คน มาสอบเพื่อรับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพนวดแผนไทย ทำให้มีการรวมตัวของคนจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั้งชั้นล่างและชั้นสอง จึงเกิดพื้นถล่มลงมาทับกันได้รับบาดเจ็บ เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิต
“สำหรับค่ารักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 10 คน ผู้พิการแต่ละคนรวมถึงบุคลากรทั้งหมดต่างมีสิทธิรักษาพยาบาลอยู่แล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้ทางศูนย์บริการคนตาบอดแห่งชาติ และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยจะยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลืออีก ส่วนผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องโครงสร้างอาคารต้องรอผลการตรวจสอบโครงสร้างร่วมกับวิศวกรของฝ่ายโยธาสำนักงานเขตบางกอกใหญ่อีกครั้งว่าเป็นความประมาทของผู้ใดหรือไม่ ก่อนแจ้งข้อหาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป” ร.ต.อ.วิชิตพงศ์กล่าว