"ความจน" บีบให้เป็น "เด็กช่าง" สานฝันสิ่งที่ขาดในวัยเด็ก “คมคิด” สมชื่อ “ดีโดยเนื้อแท้” ขอเหนื่อยแทนแม่ ตื่นตีสาม ขี่มอ'ไซค์ไปกลับ 40 กิโลฯ แบ่งเบาภาระแม่กว่า 10 ปี ต่างจากหนุ่มวัยรุ่นอายุ 17 ทั่วไปในวัยนี้ที่ต้องนึกถึง หรือติดเพื่อนมากกว่าครอบครัว....
ข่าวต่างๆ ของ "เด็กช่าง" มักยกพวกตีกันบ่อยๆ จนทำให้สังคมไทยมีมุมมองต่อเด็กช่างในด้านลบว่าเป็นนักเลง แต่หากได้อ่านเรื่องราวของ นายคมคิด นาใจแก้ว ที่กำลังศึกษา ชั้น ปวช. ปี 3 วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด คงทำให้ใครหลายคนเปลี่ยนมุมมองต่อ “เด็กช่าง” ได้มากทีเดียว และนอกจากจะ “คมคิด” สมชื่อแล้ว ยังทำให้รู้ว่า “ดีโดยเนื้อแท้” เป็นเช่นไร
นายคมคิด หรือ ไหม อายุ 17 ปี ชาวอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เล่าถึงภูมิหลังในฐานะลูกชายคนโต ที่อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และน้องชาย ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อมีโรคประจำตัว คือ ลิ่มเลือดที่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ส่วนแม่ก็มีโรคประจำตัว คือ ไขข้อเสื่อม กระดูกพรุน จะปวดตามข้อโดยเฉพาะหัวเข่า สายตามองไม่ค่อยเห็น เดินไม่สะดวก และทำงานหนักไม่ได้ เขาจึงต้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว คอยแบ่งเบาภาระทุกอย่างเพื่อไม่ให้แม่ลำบาก ซึ่งต่างจากหนุ่มวัยรุ่นอายุ 17 ทั่วไป ที่ในวัยนี้ต้องนึกถึงเพื่อน หรือติดเพื่อนมากกว่าครอบครัว
...
ขอเหนื่อยแทนแม่ ตื่นตีสาม ขี่มอ'ไซค์ไปกลับ 40 กิโลฯ
ในทุกวัน นายคมคิดต้องตื่นตั้งแต่ 03.00 น. เพื่อทำงานบ้านทุกอย่างแทนแม่ และขี่รถเก่าๆ ไปซื้อของในตลาดที่ห่างจากบ้าน 20 กิโลเมตร เพื่อให้แม่นำมาขายอาหารอีสานง่ายๆ หน้าบ้าน ก่อไฟ ย่างไก่ ย่างปลาดุก นึ่งข้าวและเตรียมเปิดร้าน เตรียมอาหารให้แม่และน้อง ตักบาตรหน้าบ้านเป็นประจำทุกวัน เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้วเขาจึงเตรียมตัวไปเรียนหนังสือ ตกเย็น เลิกเรียนก็ต้องรีบกลับมาช่วยแม่ทำงานบ้าน ล้างจาน หุงข้าว เฝ้าร้าน ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ถูบ้าน และงานทั่วๆ ไป นอกจากนายคมคิดเป็นลูกที่ดีแล้ว ยังเป็น “คนดีของสังคม” ไม่ยุ่งเกี่ยวกับ “อบายมุขทุกชนิด”
“ผมตื่นตี 3 ไปซื้อของให้แม่มาขายตอนเช้า ทำมาตั้งแต่เรียน ปวช. 1 ผมไม่อายเพื่อน อะไรที่ช่วยแม่ได้ก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง ไปดูไร่นา ซักผ้า ล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำทุกอย่าง แม่ไม่ได้บอกให้ทำ แต่ผมอยากทำ เพราะเห็นว่าแม่เหนื่อย แม่ทำอะไรหลายๆ อย่างให้ผมมามากแล้ว ก็อยากตอบแทนแม่ อยากช่วยแม่บ้าง”
อายุ 14 เทศน์ธรรม "พ่อ" ซาบซึ้ง เลิก "ดื่มเหล้า" ตลอดชีวิต
นายคมคิดพยายามทำทุกอย่างแทนแม่ ในทุกวันเขาจะต้องนวดขาให้แม่ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้แม่คลายปวดเมื่อย เหนื่อยล้าจากการที่ไขข้อเสื่อมเพราะแม่ยืนขายของตลอดวัน โดยตอนเช้ายืนปิ้งไก่ เที่ยงขายส้มตำ ตอนเย็นทำกับข้าวถุงขาย นอกจากนี้ต้องเตรียมยากิน ยาทา ดูตารางนัดหมายพบแพทย์ให้พ่อกับแม่ และดูแลน้องที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากเหนื่อยง่าย เพราะภาวะอ้วน
ขณะอายุ 14 ปี นายคมคิด ตัดสินใจบวชเรียนตามคำชวนของพระหลวงพี่ และประพฤติตนอยู่ในหลักพระธรรมวินัย ตั้งใจศึกษา ในช่วงจังหวะชีวิตนี้เอง พ่อซึ่งติดเหล้าหนัก ต้องรักษาตัวอยู่ รพ. ด้วยโรคลิ่มเลือดที่เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการดื่มเหล้าหนัก จึงได้กราบขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ กลับมาบ้านและโปรดญาติโยมโดยการเทศน์ให้พ่อ แม่ และคนในชุมชนได้สดับธรรม การเทศน์ครั้งนั้นส่งผลให้ “พ่อ” น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ และบรรลุธรรมถึงขั้น “เลิกดื่มเหล้าตลอดชีวิต” จนถึงปัจจุบัน ทำให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง แม่ก็ไม่ทุกข์ใจจากเมื่อก่อนที่พ่อกลับดึก หรือไม่กลับบ้าน 3-4 วัน เพราะไปกินเหล้า
...
“ตอนพ่อนอนรักษา รพ. สงสารพ่อ พอออก รพ. หมอแนะนำให้เลิกเหล้า พ่อก็ไม่เลิก สุขภาพก็แย่เรื่อยๆ ผมไม่อยากให้พ่อกินเหล้า เลยไปปรึกษาหลวงพี่ที่ชวนบวชก็แนะนำให้ไปคุยดีๆ ไปเทศน์ให้พ่อฟัง ตอนนั้นผมเทศน์เกี่ยวกับผลเสียที่จะเกิดกับพ่อ กับครอบครัวจากการกินเหล้า พูดให้สติ ถ้าดื่มต่อไป พ่ออาจจะไม่ได้เห็นผม เห็นน้องโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้เห็นครอบครัวที่เป็นครอบครัว ขาดพ่อไปแล้วแม่จะอยู่ยังไง พ่อเลิกขาดเลยก็รู้สึกดีใจที่พ่อเลิกเหล้าได้"
เพราะ "ความจน" จึงเลือกเป็น "เด็กช่าง" สานฝันสิ่งที่ขาดในวัยเด็ก
จากนั้นนายคมคิดได้บวชครองตนในเพศบรรพชิตอยู่อีกเกือบปี จึงลาสิกขาออกมาหางานทำในขณะอายุ 15 ปี ทั้งงานก่อสร้าง รับจ้างทาสี เด็กเสิร์ฟร้านอาหารในวันเสาร์ อาทิตย์ ควบคู่ไปกับการเรียนต่อระดับ ปวช. สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์ เพราะในอนาคตอยากเป็นวิศะกรไฟฟ้า และอยากสร้างหุ่นยนต์ รถบังคับด้วยฝีมือตัวเอง เนื่องด้วยครอบครัวฐานะยากจนไม่มีเงินซื้อของเล่น
...
“ผมเลือกเรียนสายช่าง เพราะชอบตั้งแต่เด็ก เห็นรุ่นพี่ทำหุ่นยนต์ ทำรถบังคับ ผมอยากทำเล่นเองได้บ้าง เลยศึกษาว่าจะทำยังไง ได้เล่นหุ่นยนต์ รถบังคับเหมือนพี่ๆ เขาที่ทำเองโดยไม่ต้องไปซื้อ เพราะครอบครัวผมไม่มีตังค์ซื้อของเล่น ผมเลยบอกตัวเองว่า โตขึ้นจะทำให้ได้”
นายคมคิดตั้งใจเรียนจนมีผลการเรียนเฉลี่ย 4.00 และได้รับทุนการศึกษาและเกียรติบัตรยกย่องเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเด่น เป็นตัวแทนแข่งขันหุ่นยนต์ ABU ในระดับชาติ ณ ห้างเซียร์รังสิต กรุงเทพมหานคร โล่รางวัลศูนย์บ่มเพาะระดับคุณภาพ 5 ดาว และระดับชาติ 2 ปีการศึกษาต่อเนื่อง รางวัลชนะเลิศเพจสร้างสรรค์ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อถามถึงเคล็ดลับการเรียน เขาบอกอย่างไม่กั๊ก
“วิธีเรียนให้ได้เกรดดีก็ตั้งใจเรียน ถ้าไม่เข้าใจให้ไปปรึกษาคุณครูเป็นการส่วนตัวหลังเลิกเรียน ถามคุณครูเพื่อขอคำแนะนำ ต้องทำยังไงถ้าทำไม่ได้ ต้องเรียนเพิ่มตรงไหนหรือเปล่า ต้องทำอะไรเพิ่ม อย่างไร”
...
ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของ "คนดี" จนถูกยกย่อง
"นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี" และคนดี ย่อมเป็นที่ยกย่องนับถือของคนทั่วไป เพราะอำนาจของความกตัญญูกตเวที ดังพระบาลีดังกล่าว ในวันที่ 12 ส.ค. 62 นายคมคิด จึงเป็นบุคคลหนึ่งใน 102 คน ที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญให้เป็น “ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่” จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างความภูมิใจให้กับครอบครัว โดยเฉพาะแม่เป็นอย่างมาก
“รางวัลที่ได้มา ผมก็จะทำทุกอย่างให้แม่เหมือนเดิม และจะทำให้มากขึ้น แบ่งเบาภาระแม่ให้ได้มากที่สุด จริงๆ ยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากทำให้แม่ อยากมีเงินเดือนเยอะๆ ให้แม่ใช้ ไม่อยากให้แม่ยืนขายของเพราะแม่ป่วยด้วย แต่วุฒิภาวะผมยังน้อย บางครั้งก็นั่งร้องไห้คนเดียว ไม่ให้ใครรู้ แต่พอเห็นหน้าแม่ ความท้อก็เริ่มหาย
ถึงผมจะลำบากหาเช้ากินค่ำมาตั้งแต่เด็ก ส่งตัวเองเรียน ช่วยแม่ส่งเงินกู้ที่นำมาลงทุนทำร้านขายของ ผมคิดว่าแม่เหนื่อยกว่าผมมาก กว่าจะเลี้ยงให้โตได้ขนาดนี้ ผมตอบแทนคุณแค่นี้ไม่เหนื่อยเท่าพ่อแม่ ผมมองหน้าแม่ก็หายท้อแล้ว ผมคิดแค่ว่าต้องอดทนทำงานหาตังค์ช่วยแม่ เพื่อให้แม่เหนื่อยน้อยที่สุด” เด็กช่าง "คมคิด" สมชื่อ “ลูก” ที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่
reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ