YouTube เล็งดึงเทคโนโลยี AI เข้ายกระดับการทำงาน คาด ภายใน 5 ปี คลิปทุกคลิปที่อัปโหลดขึ้นแพลตฟอร์มจะสามารถพากย์เสียงได้แบบอัตโนมัติในทุกภาษาที่มีอยู่ในโลก เสียงจะเหมือนเสียงของเจ้าของคลิปจริง และปากขยับตรงกับคำพูดราวกับเป็นเจ้าของภาษาจริง ๆ
Amjad Hanif รองประธานของ YouTube ประกาศแผนใหม่ของ YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอเจ้าใหญ่ของโลก เล็งดึงเทคโนโลยี AI เข้ายกระดับการทำงานของ YouTube โดยคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า คลิปทุกคลิปที่อัปโหลดขึ้นแพลตฟอร์มจะสามารถพากย์เสียงได้แบบอัตโนมัติในทุกภาษาที่มีอยู่ในโลก เสียงจะเหมือนเสียงของเจ้าของคลิปจริง และปากขยับตรงกับคำพูดราวกับเป็นเจ้าของภาษาจริง ๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้คือวิสัยทัศน์ของ YouTube ที่ต้องการให้ครีเอเตอร์ลงทุนครั้งเดียว แต่เข้าถึงคนทั้งโลก พร้อมเผยจะดึง AI จาก Google มาช่วยตั้งแต่การสร้างไอเดีย ตัดต่อ ทำการตลาด ไปจนถึงวิเคราะห์ข้อมูลผู้ชมอย่างละเอียด เพื่อกระตุ้นให้คนสร้างคลิปมากขึ้น
หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน YouTube ก่อตั้งขึ้นมาโดยชาย 3 คน คือ Chad Hurley, Jawed Karim, และ Steve Chen โดยคลิปแรกของ YouTube คือวิดีโอ 19 วินาทีจากผู้ร่วมก่อตั้ง Jawed Karim ในชื่อ “Me at the zoo” ที่ดูเหมือนเล่น ๆ ไม่จริงจังในวันนั้น แต่คือแรงขับเคลื่อนหนึ่งที่ทำให้วันนี้ YouTube กลายเป็นอภิมหาแพลตฟอร์มระดับโลก ที่มีครีเอเตอร์มืออาชีพนับล้านใช้เป็นแหล่งหารายได้หลัก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เมื่อตลาดของครีเอเตอร์มีการแข่งขันกันสูงขึ้น มีคอนเทนต์ถูกเผยแพร่มากมายในหนึ่งวัน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง YouTube กับครีเอเตอร์จะไม่เรียบง่ายนัก โดยเฉพาะเมื่อ YouTube มักกำหนดกฎระเบียบและกลยุทธ์ธุรกิจที่มักจะส่งผลกระทบต่อครีเอเตอร์
ซึ่งการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ทาง YouTube ก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า AI จะเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ให้ครีเอเตอร์ก้าวสู่โลกมีเดียระดับโลก โดยเฉพาะเมื่อ Google ใช้ข้อมูลจากคลิป YouTube ไปเทรนโมเดล AI “Gemini” โดยที่หลายคนอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
หลังจากการเปิดตัวของ “ChatGPT” ในช่วงปลายปี 2022 โลกก็ได้เริ่มเดินเข้าสู่ยุค Generative AI อย่างแท้จริง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในทุกวันนี้ AI ทำให้การทำอะไรก็ดูจะง่ายขึ้น ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงการสร้างคลิปที่จะง่ายและเร็วขึ้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซึ่งนั่นก็มีผลเสียที่ตามมาอย่างการเกิดคลิปปลอม เพลงปลอม และการละเมิดลิขสิทธิ์มากมาย แต่ทาง YouTube เองก็ออกมายืนยันว่า แพลตฟอร์มนี้ยังมีความได้เปรียบตรงที่มีระบบ “Content ID” ที่สามารถใช้ตรวจจับคลิปละเมิดลิขสิทธิ์โดยอัตโนมัติ และยังเป็นที่ยอมรับในวงการฮอลลีวูดและวงการเพลง โดยที่ YouTube ยังได้ทำข้อตกลงกับ Universal Music และ CAA เพื่อป้องกันการใช้ AI สร้างนักร้อง นักกีฬา และนักแสดงตัวปลอมขึ้นมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ YouTube จะพยายามรับมือกับ AI อย่างมีระบบ แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการใช้คลิปของครีเอเตอร์ไปเทรนโมเดล Gemini โดยอ้างเงื่อนไข Terms of Service ว่า “อนุญาตให้ใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงบริการ” ซึ่งมี YouTubers ชื่อดังหลายรายออกมาพูดว่า ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเคยให้สิทธิ์แบบนั้นไป
ทั้งนี้ YouTube จะมีการแยกการจัดการเนื้อหาระหว่างคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ของค่ายเพลงหรือสื่อดั้งเดิม กับคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ทั่วไปออกจากกัน โดยจะเลือกใช้เนื้อหาจากฝั่งครีเอเตอร์มาใช้ในการเทรน AI เท่านั้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่คนสร้างคอนเทนต์จำนวนมาก
และเพื่อลดช่องว่างนี้ ธุรกิจใหม่ ๆ อย่าง Vermillio ได้เริ่มเปิดตลาดซื้อขายวิดีโอและคอนเทนต์เก่าของครีเอเตอร์เพื่อนไปเทรน AI โดยให้ผู้สร้างมีรายได้เพิ่มนอกเหนือจาก YouTube ถือเป็นความพยายามคืนอำนาจให้ครีเอเตอร์ท่ามกลางระบบที่ Google เป็นเจ้าของตลาดเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ ทาง YouTube ยืนยันว่า จะเปิดให้ครีเอเตอร์ “เลือก” ว่าจะให้ AI ใช้คลิปหรือไม่ แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ Google ไม่ได้นำข้อมูลจากฟีเจอร์ Opt-in นี้ไปใช้กับโมเดลของตัวเอง เพราะมีการบังคับใช้ Terms of Service อยู่
YouTube กำลังทดลองระบบ AI Dubbing กับครีเอเตอร์หลายแสนราย แปลเสียงในคลิปอัตโนมัติเป็น 8 ภาษา โดยใช้เสียงจริงของเจ้าของคลิป และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีให้ริมฝีปากขยับสอดคล้องกับคำพูด พร้อมทดลองนำไปใช้กับคลิปของคนดังที่เสียชีวิตไปแล้ว
โดย YouTube เตรียมให้บริการฟีเจอร์นี้ฟรี ขณะที่ครีเอเตอร์บางราย อย่างเช่น MrBeast ยังต้องจ้างนักพากย์หรือใช้เทคโนโลยีภายนอกเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม บางคนยังไม่มั่นใจว่า ถ้ามีการพากย์ด้วย AI จริง อาจทำให้ CPM (หรือรายได้ต่อพันวิว) ลดลงในบางประเทศ และยังมีบางกลุ่มแฟนคลับที่ต่อต้าน AI เพราะมองว่าเป็นการทำลายคุณค่าความคิดสร้างสรรค์
แต่ในความเป็นจริง YouTube กำลังถูกถล่มด้วยคลิปที่ใช้ AI จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะคอนเทนต์แนวเทรลเลอร์ภาพยนตร์ปลอม ๆ ซึ่งแพลตฟอร์มกำลังพยายามควบคุมให้ได้มากที่สุด อย่างเช่น ทำการแบนโฆษณาของช่องปลอมบางแห่งในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา: Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney