หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้ารอบใหม่ตั้งแต่ 10% - 49% ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปั่นป่วนในช่วงการซื้อขายนอกเวลาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
นำโดยหุ้น Apple ที่ร่วงกว่า 6% สาเหตุสำคัญคือ Apple ยังคงพึ่งพาการผลิตจากจีนและประเทศในเอเชียอื่น ๆ อย่างมาก ซึ่งเสี่ยงกระทบจากภาษีนำเข้าโดยตรง
ด้านหุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่มีโรงงานในไต้หวันและมีการประกอบระบบ AI ที่เม็กซิโก ตลอดจนมีธุรกิจในหลายประเทศก็ไม่รอด หุ้นตกไปราว 4% ขณะที่ Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของ Elon Musk ก็ร่วงไป 4.5%
นอกจากนี้ หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ก็ได้รับแรงเทขายถ้วนหน้า โดยที่ Alphabet, Amazon และ Meta ร่วงระหว่าง 2.5% - 5% และ Microsoft ก็ร่วงลงเกือบ 2%
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการปราศรัย ทรัมป์ได้กล่าวชื่นชมบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในเรื่องที่ได้เข้าลงทุนจำนวนมหาศาลให้กับประเทศ พร้อมชื่นชม Apple ว่า “Apple จะลงทุนในอเมริกาถึง 500,000 ล้าน (ประมาณ 18 ล้านล้านบาท) พวกเขาไม่เคยใช้เงินจำนวนนี้ที่นี่มาก่อนเลย และพวกเขาจะสร้างโรงงานในประเทศเรา”
โดยทรัมป์ได้มีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่ พร้อมย้ำว่า “ภาษีนำเข้าชุดใหม่นี้คือ การประกาศอิสรภาพทางเศรษฐกิจของอเมริกา” โดยจะมีการเรียกเก็บ 10% กับสินค้านำเข้าทุกรายการ
ซึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบหนัก ๆ จากการขึ้นภาษีที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 34% สำหรับสินค้าจากจีน 20% จากประเทศในยุโรป ตลอดจน 24% สำหรับสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น
โดยทรัมป์ระบุว่า อัตราภาษีนี้ถูกกำหนดขึ้น “เท่ากับหรือมากกว่า” ภาษีที่ประเทศเหล่านี้เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมทางการค้า พร้อมกับกล่าวย้ำ “เราจะผลักดันการผลิตในประเทศให้เติบโต เปิดตลาดต่างประเทศ และทำลายกำแพงการค้า”
นอกจากหุ้นของเหล่าบิ๊กเทคแล้ว หลังคำประกาศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดนแรงเทขายอย่างหนักเช่นกัน โดยกองทุน ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 ร่วง 2.8% และกองทุน ETF ที่ติดตามดัชนี Nasdaq 100 ร่วงมากกว่า 3%
ขณะที่ดัชนี Nasdaq ที่เพิ่งปิดไตรมาสแรกของปี 2025 ด้วยผลตอบแทนติดลบ และแม้ว่าจะเริ่มไตรมาสที่สองด้วยการฟื้นตัวในสองวันแรก หลังจากคำประกาศนี้ก็ร่วงลงกว่า 10% ซึ่งถือว่าแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 เลยทีเดียว
ที่มา: CNBC
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney