Lip-Bu Tan ซีอีโอคนล่าสุดของ Intel ประกาศกลางเวที Intel Vision Conference ที่ลาสเวกัส เตรียมรีเซ็ตธุรกิจของ Intel ใหม่ ขอกลับคืนสู่บัลลังก์ผู้นำ หลังเป็นผู้ตามมาหลายปี เผยแผนจะแยกธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลักของบริษัท (Non-Core Businesses) พร้อมกับจะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตชิปให้รองรับการสั่งผลิต (Custom Chip) จากลูกค้าภายนอก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
โดย Lip-Bu Tan ได้กล่าวยอมรับบนเวทีอีกว่า บริษัทจำเป็นจะต้องดึงวิศวกรฝีมือดีกลับมา หลังสูญเสียบุคลากรสำคัญไปจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งต้องฟื้นฟูงบดุล และปรับกระบวนการผลิตให้ตอบโจทย์ลูกค้าใหม่ในอนาคตให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม Lip-Bu Tan ยังไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่า สินทรัพย์หรือหน่วยธุรกิจใด ที่มองว่าไม่ใช่แกนกลางของอนาคต Intel อีกต่อไป แต่ได้กล่าวกับลูกค้าของ Intel ที่นั่งอยู่ในงานว่า “เรายังมีงานหนักรออยู่ข้างหน้า และต้องยอมรับว่าในหลายจุด เราทำได้ไม่ถึงความคาดหวังของคุณ”
สำหรับ Lip-Bu Tan เขาคือผู้บริหารระดับตำนานในวงการเซมิคอนดักเตอร์ ที่เข้ามารับตำแหน่งหน้าที่ใน Intel เพื่อที่จะพาบริษัทกลับคืนสู่เส้นทางความยิ่งใหญ่ หลังจากเคยครองตลาดมายาวนานหลายทศวรรษ แต่วันนี้กลับต้องกลายเป็น “ผู้ตาม” ในหลายสนามสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของอุตสาหกรรมนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: รู้จัก Lip-Bu Tan ผู้นำคนใหม่ของ Intel กุนซือชิปแห่งเอเชีย อดีตซีอีโอ Cadence มหาเศรษฐีมาเลเซีย
คำถามใหญ่ที่ทีมผู้บริหารของ Intel ต้องเผชิญคือ การพลิกฟื้นธุรกิจครั้งนี้ ควรจะเดินหน้าต่อในฐานะ “บริษัทเดียวแบบครบวงจร” หรือควร “แยกธุรกิจหลัก” อย่างสายผลิตภัณฑ์และสายการผลิตออกจากกันเพื่อเพิ่มความคล่องตัว
ทั้งนี้ Lip-Bu Tan ยังไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจน ว่าจะขายหรือแยกหน่วยธุรกิจหลักของ Intel ออกไปในรูปแบบใดกันแน่ แต่เขาเลือกที่จะชี้ปัญหาที่ต้องเร่งแก้มากกว่า โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพของทั้งสายผลิตภัณฑ์และสายการผลิต ที่ยังทำผลงานได้ไม่ดีพอ ซึ่งรวมถึงชิปสำหรับ Data Center และธุรกิจงานด้าน AI ที่เขายอมรับตรง ๆ ว่า ยังไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้
“เรายังตามหลังในด้านนวัตกรรม เราเปลี่ยนตัวเองช้าเกินไป และไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทันเวลา” Lip-Bu Tan กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ก่อนหน้านี้ Pat Gelsinger ซีอีโอคนเก่าก็ได้ถูกบอร์ดบริหารของ Intel กดดันให้ลงจากตำแหน่ง หลังจากไม่สามารถพลิกโฉมสายผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้อย่างที่คาดหวัง โดยมีผลมาจากหนึ่งในความท้าทายที่ชัดเจน คือ การพัฒนาชิปประมวลผลด้าน AI (AI Accelerator Chip) แต่ยังไม่สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของ Nvidia ได้
ทั้งที่ในอดีต Nvidia เคยเป็นเพียงเงาของ Intel แต่วันนี้กลับกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งในแง่รายได้และมูลค่าตลาด จากกระแสความร้อนแรงของเทคโนโลยี AI ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ อดีตซีอีโอ Pat Gelsinger ที่ได้เคยวางเป้าหมายใหญ่ให้ Intel กลายเป็นโรงงานรับจ้างผลิตชิป (Chip Foundry) สำหรับลูกค้าภายนอก แต่ในช่วงที่เขารับตำแหน่ง ความพยายามนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงเหมือนเป็นการส่งไม้ต่อให้กับ Lip-Bu Tan
ทั้งนี้ ซีอีโอคนใหม่ ชี้ว่า Intel ต้องเปลี่ยนวิธีคิด โดยต้องฟังเสียงลูกค้าภายนอกให้มากขึ้น และเปิดให้ลูกค้าเป็นฝ่ายกำหนดรูปแบบการออกแบบและผลิตชิปเอง แทนที่จะให้ Intel เป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง พร้อมกับเผยว่า “ลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากต้องการชิ้นส่วนที่ออกแบบเฉพาะสำหรับพวกเขา และ Intel ต้องพร้อมที่จะทำให้”
แม้จะรู้ว่าปัญหาของ Intel ไม่มีทางลัดหรือแก้ได้ในเวลาอันสั้น แต่ Lip-Bu Tan ก็ได้ยืนยันว่าเขาพร้อมอยู่กับบริษัทตราบใดที่บริษัทยังต้องการ และกล่าวปิดท้ายว่า “มันจะไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ผมเชื่อว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้”
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney