กรุงศรี ฟินโนเวต เร่งเครื่องลงทุนแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ดันวงการสตาร์ทอัพไทยโตต่อในยุคทอง AI

กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital: CVC) ในเครือกรุงศรี โชว์ความสำเร็จจากการปั้นสตาร์ทอัพไทยในรอบนำเสนอผลงาน 12 ทีมสุดท้ายของ “Finno Efra Accelerator Program” พร้อมอัปเดทความคืบหน้ากองทุน “Finno Efra” มูลค่า 1,000 ล้านบาท ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ที่เปิดตัวในปี 2024 

นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ และ Head of Portfolio Growth บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ระบุว่า ปัจจุบัน กรุงศรี ฟินโนเวต มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 4,039 ล้านบาท หรือราว 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสตาร์ทอัพในพอร์ตโฟลิโอจำนวนทั้งสิ้น 25 ราย ในจำนวนนี้มียูนิคอร์นทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ Grab, Flash Express, Klook และ Ascend Money โดยสตาร์ทอัพที่อยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ได้แก่ Klook, Ascend Money, Wisesight, Builkone, Buzzebees, Finnomena และ Opn

นำโดยกองทุนแม่ ‘กองทุนฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์’ (Finnoventure Private Equity Trust I) ที่มีขนาดกองทุน 2,700 ล้านบาท เน้นลงทุนในสตาร์ทอัพ Series A ขึ้นไปนั้น ลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 1,731 ล้านบาท โดยมีการลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งหมด 15 ราย และในปีนี้มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในสตาร์ทอัพ 6 รายทั้งไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมมูลค่า 400 ล้านบาท

ขณะที่ ‘กองทุนฟินโนเวิร์สและฟิวเจอร์ริสติก’ (Finnoverse & Futuristic Fund) กองทุนที่จะมุ่งเน้นไปยังเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะต่อยอดในอนาคต อาทิ Decentralized Technology เช่น Blockchain, Web3 รวมถึง AI, Cyber Security, Quantum Technology และ ESG โดยจะมีขนาดกองอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท มียอดการลงทุนไปแล้ว 475 ล้านบาท โดยมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมราว 70 ล้านบาทในปีนี้

ความคืบหน้า Finno Efra กองทุนความหวังใหม่สตาร์ทอัพ ด้วยเป้าหมาย "รีเซตประเทศ เติมเต็มสิ่งที่วงการสตาร์ทอัพขาด"

สำหรับ ‘กองทุนฟินโนอีฟรา ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ (FinnoEfra Private Equity Trust) หรือ “Finno Efra” ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา มีขนาดกองอยู่ที่ 1,000-1,300 ล้านบาท โดยในปีนี้มีแผนลงทุนเพิ่ม 50 ล้านบาทในสตาร์ทอัพที่ตรงตามเกณฑ์ของกองทุน รวมถึง 12 ทีมสุดท้ายของ Finno Efra Accelerator Program Batch 1 ที่อยู่ในขั้นตอนการทำ Due Diligence เพื่อประเมิน 

โดยกองทุนนี้เน้นไปที่สตาร์ทอัพ Early-Stage หรืออยู่ในช่วง Seed ถึง Pre-series A ที่มีผลดำเนินการมาเป็นระยะหนึ่ง มีโปรดักต์ออกสู่ตลาดและมีลูกค้า มีรายได้หรือสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ในระดับดังกล่าวได้ โดยแบ่งสัดส่วนเป็นสตาร์ทอัพไทยราว 60% และสตาร์ทอัพต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน 40% โฟกัสหลักที่กลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Impact & Digital Transformation เช่น HR Tech, MarTech, IndustrialTech, TravelTech, Ecommerce รวมถึงภาคส่วนหลักที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เช่น FinTech, EdTech, HealthTech, AgriTech และ MobilityTech

ด้านผลตอบแทนจากกองทุน “Finno Efra” ตั้งเป้าจะยืนระยะเวลา 8 ปีที่จะสร้างผลตอบแทนกำไรได้ 25% ต่อปี โดย 4 ปีแรก (Investment Period) เน้นอัดฉีดเม็ดเงินส่วน 5-8 ปี (Divestment Period) หลังจากเน้นสร้างการเติบโตในสเตจต่อไปจนถึงการออกจากธุรกิจ

อ่านเพิ่มเติม 

• กรุงศรีฟินโนเวต ผนึก ป้อม ภาวุธ เปิดตัวกองทุน“Finno Efra” พร้อมโปรแกรมบ่มเพาะปลุกวงการสตาร์ทอัพไทย
• ยุคทองกลับมาหรือฟองสบู่ใหม่? AI ปลุกชีพตลาดสตาร์ทอัพ เงินทุนทะลัก ดันมูลค่าลงทุนพุ่งแรงในรอบ 2 ปี

นางสาวปาลิดา ระบุเพิ่มเติมว่าปัจจุบันตนมองวงการ VC และสตาร์ทอัพในแต่ละหมวดหมู่ที่หลากหลายจะมีโอกาสมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงดีลที่เกิดขึ้นจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของ Accelerator Program ที่จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสความสำเร็จของสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

“Finno Efra Accelerator Program ได้รับเกียรติจากเมนเทอร์และโค้ชผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งใน Batch 1 มีสตาร์ทอัพ 12 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก จากราว 200 สตาร์ทอัพที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ AIYA (MarTech), Daywork (HRTech), Gowajee (AI), Graffity (DeepTech), JobsLab (HRTech), MUl-Robotics (DeepTech / Sensory AI), Osseolabs (HealthTech/ MedTech), PAM Real CDP (MarTech), Spacely AI (PropTech), ThaiHand (WellnessTech), Vansales (RetailTech) โดยหลังจากที่ทั้ง 12 ทีม ที่ผ่านการเข้าเรียนกว่า 30 คลาสในช่วงสี่เดือน เราจึงได้จัดให้ทั้ง 12 ทีมได้มีโอกาสนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการ บริษัท นักลงทุน เปิดโอกาสให้เกิดการต่อยอดการลงทุน”

สำหรับ แผนการดำเนินธุรกิจปี 2025 กรุงศรี ฟินโนเวต มุ่งเน้น 3 หลักการสำคัญ คือ การลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ ๆ ที่จะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการร่วมลงทุนการสนับสนุนและความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ของกรุงศรี และสร้างพื้นที่บ่มเพาะและอีโคซิสเต็มที่ช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งให้กับสตาร์ทอัพของไทยและภูมิภาคอาเซียน ตอกย้ำเป้าหมายในการเป็น Global Venture Capital

ปีนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต จะให้น้ำหนักการลงทุนในสตาร์ทอัพอาเซียนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับในส่วนของความร่วมมือ (Partnerships) จะได้เห็นความร่วมมือในต่างประเทศมากขึ้นและยังเป็นการขยายศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ กรุงศรี ฟินโนเวต ออกไปในระดับภูมิภาคอาเซียนให้มากขึ้น เพื่อปูทางสู่เป้าหมายสำคัญในการเป็น Venture Capital ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารกรุงศรี นางสาวปาลิดา กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ และ Head of Portfolio Growth บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เข้าร่วมงานกับกรุงศรี ฟินโนเวต ในปี 2018 มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและขับเคลื่อนกลยุทธ์การลงทุนในสตาร์ทอัพ รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกรุงศรี องค์กรพันธมิตร และสตาร์ทอัพ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยภายใต้บทบาทของกรรมการผู้จัดการ นางสาวปาลิดาจะรับผิดชอบดูแลการวางกลยุทธ์และบริหารพอร์ตการลงทุนในสตาร์ทอัพของกรุงศรี ฟินโนเวตให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน รวมถึงสานต่อภารกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสร้างความร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับทุกฝ่าย อีกทั้งช่วยส่งเสริมและสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์ในประเทศไทยและอาเซียน

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney