Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

ยุคทองกลับมาหรือฟองสบู่ใหม่? AI ปลุกชีพตลาดสตาร์ทอัพ เงินทุนทะลัก ดันมูลค่าลงทุนพุ่งแรงในรอบ 2 ปี

Date Time: 10 มี.ค. 2568 18:44 น.

Summary

  • หลังจากภาวะซบเซาสองปี VC ในสหรัฐฯ กลับมาคึกคักอีกครั้งจากกระแส AI ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ พบการลงทุนพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 แต่มูลค่าทุนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น OpenAI และ Anduril สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์ VC ที่มุ่งเน้นสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพเติบโตสูงมากกว่าการกระจายทุนอย่างทั่วถึง

จากภาวะซบเซาของการลงทุนในสตาร์ทอัพในช่วงสองปีที่ผ่านมา นักลงทุนและ Venture Capital เผชิญกับปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ไปจนถึงการประเมินมูลค่าบริษัทเทคโนโลยีที่ลดลงหลังจากฟองสบู่แตกในปี 2021ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น ทำให้การลงทุนในสตาร์ทอัพลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้พลิกโฉมแนวโน้มการลงทุนอีกครั้ง สตาร์ทอัพด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูงกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ปริมาณการระดมทุนพุ่งสูงขึ้น

สตาร์ทอัพสหรัฐฯ ระดมทุนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021

รายงานระบุว่า สตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกากำลังระดมทุนมากกว่าช่วงเวลาใดๆ นับตั้งแต่ปี 2021 อันเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ AI

ข้อมูลจาก PitchBook ระบุว่า มีการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ไปแล้วกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021 และยังมีเงินทุนอีกกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่อยู่ระหว่างกระบวนการ

โดยมุ่งเน้นไปที่บริษัทชั้นนำอย่าง OpenAI, Safe Superintelligence และ Anduril บริษัทเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยหลังจากภาวะซบเซานานสองปี ยอดระดมทุนของสหรัฐฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 กลับมาพุ่งขึ้นถึง 80,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่สี่ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021

อย่างไรก็ตาม Kyle Stanford ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ PitchBook ระบุว่า นักลงทุน Venture Capital ให้ความสนใจกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง โดยพบว่าดีลขนาดใหญ่เกี่ยวข้องกับ OpenAI, xAI, Databricks และบริษัทอื่นๆ ที่คิดเป็น 40% ของยอดทั้งหมด

เนื่องจากการลงทุนด้าน AI ยังไม่แน่ชัดว่าจะให้ผลตอบแทนในรูปแบบใด ทุนจำนวนมากจึงถูกเทไปยังบริษัทที่เป็นผู้นำในหมวดหมู่ของตนเองและมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่

สร้างความหวัง ความเชื่อที่มีต่อสตาร์ทอัพอีกครั้ง

Safe Superintelligence หนึ่งในบริษัทด้าน AI ซึ่งก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI ระดมทุน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อระดมทุนเพิ่มเติมที่มูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่านั้น แม้ว่าบริษัทยังไม่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ก็ตาม

รอบระดมทุนขนาดมหึมาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากแนวทางดั้งเดิมของธุรกิจเงินร่วมลงทุน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นและอาศัย “กฎพลังงาน” (Power Law) บริษัทที่ประสบความสำเร็จเพียงบริษัทเดียวสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากพอที่จะชดเชยการขาดทุนจากบริษัทที่ล้มเหลวทั้งหมด

ซึ่งเป็นแนวคิดจาก Sebastian Mallaby ผู้เขียนหนังสือ The Power Law ที่เชื่อว่าบริษัทสตาร์ทอัพที่มีราคาสูงก็ยังสามารถเติบโตได้อีก 10 เท่า ซึ่งทำให้นักลงทุนเร่งเข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่มีชื่อเสียงโดยไม่สนใจว่าราคาจะเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร

Kyle Stanford ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ PitchBook กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เราเชื่อว่าเงินลงทุนที่สร้างผลตอบแทน 50 เท่าจะมาจากการลงทุนในระยะเริ่มต้น จากนั้นจะหาทางขายออกผ่าน IPO”

แต่แนวคิดนี้กำลังถูกนำไปใช้กับบริษัทที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า โดยนักลงทุนกลุ่มใหม่นี้เรียกว่า “Pseudo-VC” ซึ่งรวมถึง Thrive Capital ของ Josh Kushner, General Catalyst และ Lightspeed Venture Partners ทั้งสามบริษัทนี้เป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่จดทะเบียน ทำให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายขึ้นและถือครองบริษัทได้แม้หลังจากที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว

ทั้งสามบริษัทได้ระดมทุนกองละกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้พวกเขาสามารถลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถือครองไว้ได้นานถึง 15 ปี จนกว่าจะมีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การพุ่งขึ้นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีกระแสความตื่นตัวด้าน AI ทำให้นักลงทุนทุ่มเงินด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ช่วงพีคของตลาดในปี 2021 ซึ่งขณะนั้นมีเงินลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีรวม 358,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้หลายบริษัทถูกตีราคาสูงเกินจริง นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทที่ยังไม่มีรายได้หรือในบางกรณียังไม่มีผลิตภัณฑ์ สามารถระดมทุนได้ แต่บรรดา Venture Capital กลับมองว่ารอบการลงทุนครั้งนี้จะแตกต่างออกไป

เพราะ AI พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้บริษัทเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น Hemant Taneja ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ General Catalyst ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทร่วมลงทุนรายใหญ่ของซิลิคอนแวลลีย์กล่าว

“เราต้องพิจารณาว่าบริษัทเหล่านี้มีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้น 10 เท่าจากจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันหรือไม่และคำตอบคือ ‘ใช่’ สำหรับทุกบริษัทเหล่านี้ นั่นทำให้พวกเขาถูกตีราคาอย่างสมเหตุสมผล” เขากล่าว

ทั้งนี้จากดีลที่ปิดไปแล้วและดีลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า มีแนวโน้มว่ายอดการลงทุนในไตรมาสแรกของปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้เป็นไตรมาสแรกที่มียอดระดมทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฟินเทค Stripe และ Ramp ได้ประกาศระดมทุนที่มูลค่า 91,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ ขณะที่สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Anthropic และ Shield AI ปิดดีลที่ 61,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

บริษัทร่วมทุนยังคงเดินหน้าลงทุนในดีลขนาดใหญ่ โดย OpenAI กำลังเจรจากับ SoftBank เพื่อระดมทุน 40,000 ล้านดอลลาร์ที่มูลค่าประเมิน 260,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะกลายเป็นรอบระดมทุนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้าการลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์ใน Databricks เมื่อปีที่แล้ว

อ่านเพิ่มเติม

อ้างอิงข้อมูลจาก Financial Times 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Poll

สำรวจข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

เพศของคุณคือ

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)