BYD ประกาศแผนการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของตนเองร่วมกับ DeepSeek พร้อมวิสัยทัศน์ "Democratize Intelligent Driving” ที่ต้องการทำให้การขับขี่อัจฉริยะเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ระบุ ความฉลาดของโมเดล AI ของ DeepSeek จะช่วยปรับปรุงการประมวลของข้อมูลและทำให้ BYD เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ได้ดีขึ้น
นักลงทุนกังวลกับ Tesla อีกครั้ง หลัง BYD คู่แข่งคนสำคัญจากจีน ประกาศแผนการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของตนเองร่วมกับ DeepSeek พร้อมวิสัยทัศน์ "Democratize Intelligent Driving” ที่ต้องการทำให้การขับขี่อัจฉริยะเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ขณะที่แผนเดิมของ Tesla ที่จะเปิดตัวระบบ FSD (Full-Self Driving) ในจีนภายในไตรมาสแรกของปีนั้นถูกเลื่อนออกไป
อ่านเพิ่มเติม
รายงานระบุว่า นักลงทุนเกิดความกังวลกับ Elon Musk อีกครั้งต่อเนื่องจากความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของเขาที่ได้พยายามนำกลุ่มนักลงทุนของตนเองเข้าซื้อ OpenAI ด้วยข้อเสนอถึง 9.74 หมื่นล้านเหรียญ ไม่นับบทบาทของเขาในทำเนียบขาวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาระนอกเหนืออาณาจักรของธุรกิจของตนเอง
ในงานแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ที่เซินเจิ้นเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา Wang Chuanfu ผู้ก่อตั้ง BYD เปิดตัวระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ชื่อว่า "God's Eye" รุ่นใหม่ของบริษัทจำนวน 3 รุ่น ซึ่งขับขี่ได้ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากผู้ขับ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์จอดรถอัตโนมัติที่แม่นยำอีกด้วย
ทั้งนี้ God's Eye เวอร์ชัน Tri-lidar version จะถูกนำไปใช้งานเป็นหลักในแบรนด์ระดับไฮเอนด์ของ BYD ที่ชื่อว่า Yangwang Auto และเป็นไปได้ว่าจะครอบคลุมรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เกือบทั้งหมดของ BYD หลังจากนี้
Wang กล่าวว่า "อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของระบบ Autopilot คือ ต้นทุนที่สูง” โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมีราคาสูงกว่า 200,000 หยวนหรือราว 27,300 ดอลลาร์ ขณะที่ผู้ซื้อรถยนต์ชาวจีนกว่า 70% ซื้อรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 200,000 หยวน นั่นหมายถึงผู้บริโภคจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ได้ อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า ระบบขับขี่อัจฉริยะจะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักที่มีในรถจีนหลังจากนี้
Yang Dongsheng รองประธานบริษัท BYD ระบุว่า การบูรณาการโมเดลของ DeepSeek เข้ากับสถาปัตยกรรมยานยนต์อัจฉริยะของ BYD เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการประมวลผลและการสร้างข้อมูลโดยอัตโนมัติ การใช้ประโยชน์ความฉลาดของ DeepSeek ทั้งแสดงความรู้และเหตุผลอันทรงพลังจะช่วยให้ BYD เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ได้ดีขึ้น
ระบบขับขี่อัจฉริยะกลายเป็นสนามรบที่สำคัญสำหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ China Merchants Securities คาดการณ์ว่าปี 2025 จะเป็นปีแรกที่ระบบขับขี่อัตโนมัติที่ราคาเอื้อมถึงของ BYD ออกสู่ตลาด ด้วยความก้าวหน้าของอัลกอริทึมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ต้นทุนฮาร์ดแวร์ที่ลดลง การรับรู้ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นระหว่างผู้ผลิตรถยนต์และระบบขับขี่อัจฉริยะระดับสูงจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในรถยนต์ที่มีราคาตั้งแต่ 100,000 หยวนถึง 200,000 หยวนในอีกสองปีข้างหน้า นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของ EV ของจีนจะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่รวดเร็วขึ้น คุณสมบัติอัจฉริยะที่เหนือกว่า และนโยบายที่เอื้ออำนวย พร้อมทั้งแนวโน้มของผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท AI ที่มากขึ้น
โดยปีที่ผ่านมา BYD ทุบสถิติยอดขายเดิมที่ 4.27 ล้านคัน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่และรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กซึ่งเพิ่มขึ้น 41% จากปี 2023 สำหรับแผนพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ BYD เป็นพันธมิตรกับ Nvidia และ Horizon Robotics สำหรับการผลิตชิปขับขี่อัตโนมัติ และยังมีเป้าหมายที่เพิ่มการผลิตชิปที่พัฒนาขึ้นเองในปี 2026 อีกด้วย
ทั้งนี้หุ้น Tesla ร่วงลงเกือบ 17% ต่อเนื่องจากการลดลงติดต่อกัน 5 วันเหลือ 328.50 ดอลลาร์และสูญเสียมูลค่าตลาดไปกว่า 200,000 ล้านเหรียญภายในสัปดาห์เดียว ขณะที่หุ้น BYD ในเซินเจิ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 15% ตั้งแต่เริ่มต้นจัดงานแถลงข่าว
อ้างอิงข้อมูลจาก CNBC , Nikkei Asia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -