เรียกได้ว่าเมื่อคืนวันที่ 27 มกราคม 2568 เป็นคืนที่ทำเอาวงการเทคโนโลยีทั่วโลกต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อสตาร์ทอัพน้องใหม่จากจีนชื่อ DeepSeek เปิดตัวแชตบอท AI รุ่นใหม่ที่ไม่เพียงแต่ให้บริการฟรี แต่ยังอ้างว่าใช้ทรัพยากรน้อยกว่าโมเดลตัวดังของ OpenAI ทำเอาบรรดานักลงทุนนั่งไม่ติดที่กันไปเลย โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นเทคที่รับผลกระทบนี้เต็มๆ ทั่วโลก จนมูลค่ารวมหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
ความสำเร็จของ DeepSeek เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าประหลาดใจ เมื่อยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันขึ้นอันดับหนึ่งบน App Store แซงหน้า ChatGPT ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังเปิดตัว สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ด้วยความโปร่งใสในการแสดงกระบวนการคิดและเหตุผลในการตอบคำถาม
นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี AI เมื่อ DeepSeek สามารถพัฒนาโมเดล AI ได้ด้วยงบประมาณเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสร้างความแตกต่างด้วยการใช้ชิป Nvidia H800 ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดจีน หลังจากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ แม้ว่าชิปรุ่นนี้จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่นท็อปของตลาด แต่ DeepSeek ก็สามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก
ความผันผวนในตลาดสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้
- ดัชนี Nasdaq 100 Futures ร่วงลงมากถึง 5.2% ในช่วงการซื้อขายนอกเวลา ก่อนฟื้นมาที่ -3.5%
- ดัชนีความผันผวน VIX พุ่งขึ้นแตะระดับ 21.5
- หุ้นเทคสหรัฐฯ ร่วงหนัก นำโดย Nvidia ร่วงลงถึง 15%
- Broadcom ร่วงลง 15%
- Microsoft ปรับตัวลง 3.7%
- Alphabet บริษัทแม่ Google ลดลง 2.7%
- บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI อย่าง Vertiv Holdings ร่วงลงถึง 27%
เอเชียและยุโรป ยับไม่แพ้กัน
- SoftBank Group ของญี่ปุ่น ลดลง 8.3%
- ASML ในยุโรป ลดลง 12%
- Siemens Energy บริษัทเทคโนโลยีพลังงาน ร่วงลง 19%
- TSMC, Intel และ Samsung ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ ASML ต่างได้รับผลกระทบ
- ในทางกลับกัน หุ้น AI ในจีนแผ่นดินใหญ่กลับพุ่งขึ้น นำโดย Merit Interactive
ผลกระทบไม่ได้จำกัดเพียงแค่หุ้นเทคเท่านั้นแต่อุตสาหกรรมพลังงานก็ไม่รอด จากที่นักลงทุนเคยคาดว่าจะได้ประโยชน์จากความต้องการพลังงานมหาศาลของศูนย์ข้อมูล AI เมื่อ DeepSeek ปรากฏตัวขึ้นกลับต้องเปลี่ยนความคิด
- Vistra ลดลง 24.4%
- Constellation Energy ร่วง 18%
- NRG Energy ปรับตัวลง 13%
Marc Andreessen นักลงทุนผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทร่วมทุน A16z จาก Silicon Valley มองว่านี่คือ "Sputnik Moment" ของวงการ AI เปรียบเทียบกับจุดเริ่มต้นของการแข่งขันด้านอวกาศในยุค 1950s เขายังกล่าวชื่นชม DeepSeek R1 ว่าเป็น "การค้นพบที่น่าทึ่งที่สุด" และเป็น "ของขวัญล้ำค่าให้กับโลก" เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์แบบ open source
ด้าน Brian Jacobsen หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Annex Wealth Management วิเคราะห์ว่าความสำเร็จของ DeepSeek อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม ทั้งการลดความต้องการชิประดับสูง ลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล ลดความจำเป็นในการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ การทำให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงกระตุ้นการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์หลากหลายรูปแบบ
ขณะที่ Vey-Sern Ling กรรมการผู้จัดการ Union Bancaire Privee กล่าวว่า "DeepSeek แสดงให้เห็นว่าเป็นไปได้ที่จะพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลังด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งอาจทำลายความน่าสนใจในการลงทุนตลอดห่วงโซ่อุปทานของ AI ที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายสูงจากบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย"
Charu Chanana หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนจาก Saxo Markets เตือนว่า "แม้ผู้นำตลาดปัจจุบันอย่าง Nvidia จะมีจุดยืนที่แข็งแกร่ง แต่นี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าความเป็นผู้นำด้าน AI ไม่ใช่สิ่งที่จะการันตีได้ตลอดไป การปรากฏตัวของ DeepSeek จากจีนแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันกำลังทวีความรุนแรงขึ้น"
Nirgunan Tiruchelvam นักวิเคราะห์จาก Aletheia Capital ในสิงคโปร์ มองว่า DeepSeek จะสร้างปัญหาอย่างยิ่งต่อสมมติฐานที่ว่าการลงทุนมหาศาลของ Silicon Valley เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนา AI และตั้งคำถามต่อทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่ทุ่มให้กับ AI
เมื่อคืนนี้ DeepSeek ประกาศว่าบริการของบริษัทกำลังเผชิญกับ "การโจมตีที่เป็นอันตรายขนาดใหญ่" (large-scale malicious attacks) ทำให้ต้องจำกัดการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ชั่วคราวเพื่อรักษาความต่อเนื่องของบริการ ส่วนผู้ใช้ที่มีบัญชีอยู่แล้วยังสามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ
การเปิดตัวของ DeepSeek สร้างข้อสงสัยใหม่ต่อความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยี AI ของจีนล้าหลังกว่าสหรัฐฯ หลายปี แม้ว่าข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐอเมริกาจะกันไม่ให้จีนเข้าถึงชิปที่ทันสมัยที่สุด แต่ DeepSeek สามารถสร้างโมเดลของตนโดยใช้เทคโนโลยี Open Source ที่เข้าถึงได้ง่าย
ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศแผนการลงทุนภาคเอกชนมูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านการร่วมทุนที่เรียกว่า Stargate โดย SoftBank ได้ประกาศการลงทุน 19 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ร่วมกับบริษัทอื่นๆ เช่น OpenAI และ Oracle
แต่พอมาสัปดาห์นี้กลับมาเรื่องของ DeepSeek เข้ามา ที่สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลเสมอไป การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การปฏิวัติในวงการ AI ที่จะทำให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะใช้ทรัพยากรน้อยลง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบระยะยาวต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการและทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยี AI ยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล