Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

Oracle คือใคร ม้ามืดบิ๊กเทค ผู้คิดค้น “ระบบฐานข้อมูลยุคใหม่” ที่เคยถูก IBM ปัดตกไอเดีย

Date Time: 26 ม.ค. 2568 13:52 น.

Summary

Thairath Money พาไปรู้จัก “Oracle” (ออราเคิล) ผู้นำด้านซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลระดับโลกที่มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นคู่แข่งของ IBM และมีเป้าหมายใหญ่ในการโค่นบัลลังก์ Microsoft เพื่อเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดซอฟต์แวร์ นี่คือหนึ่งในบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ม้ามืดแห่งวงการเทคโนโลยีที่ก่อตั้งและขับเคลื่อนโดย Larry Ellison มหาเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับสามของโลก

จุดเริ่มต้นจากถูกปฏิเสธไอเดียสู่ “ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีฐานข้อมูล”

ย้อนกลับไปในช่วง 1960 Larry Ellison เจ้าพ่อธุรกิจชาวอเมริกันหรือที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Oracle Corporation ผู้หลงใหลในเรื่องเทคโนโลยีฐานข้อมูล ได้แรงบันดาลใจจากเอกสารชื่อ "A Relational Model of Data for Large Shared Data Banks" ที่เขียนขึ้นในปี 1970 โดยโปรแกรมเมอร์ของ IBM ชื่อ Edgar F. Codd เกี่ยวกับระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS: Relational Database Management System) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยีข้อมูล ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลยุคแรก ๆ ที่ใช้ SQL (Structured Query Language) หรือภาษาโปรแกรมมิ่งที่ใช้ในการสร้างและจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์

โดยคอนเซปต์ของโมเดลเชิงสัมพันธ์นี้ก็คือระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีโครงสร้างการจัดเก็บที่ชัดเจน (Structured Data) ในรูปแบบของตารางที่จะแบ่งแยกเป็นแถวและคอลัมน์ สามารถเรียก แก้ไข หรือค้นหาข้อมูลนั้นๆ เพื่อนำไปต่อยอดได้

เมื่อ Ellison อ่านเรื่องนี้เขาเชื่อว่าฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์บนระบบจัดการฐานข้อมูลจะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อองค์กรต่างๆ ในอนาคต ไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนจำเป็นต้องมีระบบฐานข้อมูลขององค์กร มี Big Data ของตัวเองและจะต้องใช้ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์นี้เก็บหรือนำข้อมูลออกมาใช้ต่อยอด ตั้งแต่ข้อมูลการเงิน ราคาสินค้าไปจนถึงประวัติลูกค้า

เดิมที Oracle เป็นโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ฐานข้อมูลของ IBM เขาจึงเสนอไอเดียในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ให้กับ IBM ในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม IBM ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับ Ellison

แม้ว่าฐานข้อมูล SQL ยังเป็นไอเดียที่ใหม่ในขณะนั้น แต่เขาเชื่อในเทคโนโลยีฐานข้อมูลและซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะกลายเป็นโครงสร้างสำคัญของยุคดิจิทัลในอนาคต กอปรกับช่องว่างในขณะนั้นที่บริษัทเทคฯ หลายแห่งเน้นผลิตและขายฮาร์ดแวร์ และมีเพียงไม่กี่แห่งที่เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้เขาตัดสินใจเดินหน้าพัฒนาซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลของตนเอง

ในปี 1977 Larry Ellison และเพื่อนของเขา Bob Miner และ Ed Oates ก่อตั้งบริษัทขึ้นในซิลิคอนวัลเลย์ด้วยเงินทุนเพียง 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ชื่อว่า “Oracle” ชื่อโปรเจกต์แรกที่พวกเขาช่วยกันพัฒนาฐานข้อมูลให้กับสำนักข่าวกรองสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรก พวกเขาเรียกธุรกิจของตนว่า Software Development Laboratories หรือ SDL จับตลาดซอฟต์แวร์องค์กร โดยมี “Oracle Database” ซึ่งเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ระบบแรกที่ใช้ SQL เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงแรก

แม้ว่า Oracle จะไม่ใช่บริษัทแรกที่นำเสนอฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ แต่ถือเป็นบริษัทแรกที่ทำออกสู่ตลาดอย่างจริงจัง โดยเชื่อว่าองค์กรขนาดเล็กสามารถเข้าถึงระบบจัดการข้อมูลดิจิทัลได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพงแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลือกโซลูชันฐานข้อมูลสมัยใหม่ทำงานอยู่บนคลาวด์ ภายใต้การนำของ Ellision ในตำแหน่งซีอีโอจนถึงปี 2014 Oracle ได้กลายเป็นผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลและโซลูชันองค์กร ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท (ซีทีโอ)

แกร่งจากกลยุทธ์เข้าซื้อกิจการและจับมือกับคู่แข่ง

Oracle ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำของวงการไอทีและเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีหน้าใหม่ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยพร้อมแข่ง IBM ตั้งแต่เปิดตัว Oracle Database ในปี 1979 ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน และยังเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยี Oracle ในเวลาต่อมา

ตลอดช่วง 1980-1990 บริษัทขยายพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย นำระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ระบบการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) รวมถึงทรัพยากรบุคคล (HCM) เข้ามาใช้ในระบบนิเวศด้วยกลยุทธ์เข้าซื้อกิจการซอฟต์แวร์รายอื่นๆ จำนวนมาก อาทิ NetSuite, PeopleSoft หรือ Sun Microsystems ที่ทำให้สามารถควบคุมเทคโนโลยีสำคัญๆ เช่น Java และ MySQL ได้

กระทั่งปี 2016 ก็ขยายสู่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งด้วย Oracle Cloud Infrastructure (OCI) นำเสนอโซลูชั่นคลาวด์แบบบูรณาการเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ซอฟต์แวร์ (SaaS), แพลตฟอร์ม (PaaS) และโครงสร้างพื้นฐาน (IaaS) ไว้ด้วยกัน มุ่งแข่งขันกับ AWS, Microsoft Azure และ Google Cloud

นอกจากนี้ในปี 2021 Oracle ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการจากการเข้าซื้อกิจการ Cerner ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในด้านไอทีด้านการดูแลสุขภาพในมูลค่ากว่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งนับเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของ Oracle ที่ต้องการก้าวสู่วงการ Healthcare อย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือเป็นการเปิดทางให้ Oracle เข้าถึงฐานข้อมูลของ Electronic Health Records (EHR) และเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพที่ทำให้ Oracle มีฐานข้อมูลในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ

รวมแล้ว Oracle ได้ทำการซื้อกิจการมากกว่า 100 แห่ง ซึ่งช่วยให้ Oracle ขยายขอบเขตการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ขยายเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์เพื่อบูรณาการโซลูชันในอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้ Oracle ครองตลาดแอปพลิเคชันสำหรับองค์กรด้านทรัพยากรบุคคล การเงิน และอีคอมเมิร์ซ มีรายได้สูงเป็นอันดับสองในบรรดาบริษัทซอฟต์แวร์ทั้งหมดรองจาก Microsoft

Oracle Database มันสมองธุรกิจ

Oracle Database กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้และทำให้ Oracle เป็นที่จดจำมากที่สุด โดยฐานข้อมูล Oracle กลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมสำหรับฐานข้อมูลขององค์กร ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ

โดยมีจุดเด่นในเรื่องการเป็นระบบฐานข้อมูลแบบเปิดที่มีระบบจัดการฐานข้อมูลเป็นระบบอัตโนมัติ (Autonomous Databases) ซึ่งสนับสนุนการทำงานร่วมกันกับระบบอื่นๆ เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ไม่จำกัดว่าจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์ของ Oracle เท่านั้น

Oracle ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ Microsoft Azure และ Google Cloud รวมถึง Amazon Web Services (AWS) เพื่อขยายบริการคลาวด์และ AI กลยุทธ์นี้มุ่งเป้าไปที่การบูรณาการบริการฐานข้อมูลของ Oracle เข้ากับแพลตฟอร์มเหล่านี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและมอบความยืดหยุ่นให้กับลูกค้ามากขึ้น

ทั้งหมดกลายเป็น Foundation ของ Oracle ที่ออกดอกออกผลในยุคดิจิทัล ความสำคัญของฐานข้อมูลดิจิทัลและการบูรณาการเทคโนโลยีของ Oracle ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยี Big Data และ AI ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น “มันสมองของธุรกิจ”

ในยุคที่โลกไม่อาจปฏิเสธความสำคัญของ “ฐานข้อมูล”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Oracle ขยายการเติบโตทั้งระบบนิเวศธุรกิจและรายได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผู้เล่นที่ครองตลาดระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) มาอย่างยาวนาน แต่ Oracle ยังคงเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดฐานข้อมูลและบริการคลาวด์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง Microsoft และ Amazon Web Services นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น SAP, IBM รวมถึง Salesforce

ปัจจุบัน Oracle เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีพนักงานประมาณ 140,000 คนและดำเนินงานในกว่า 175 ประเทศ มีลูกค้ารายใหญ่ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่จากหลากหลายภาคส่วนทั่วโลก เช่น ภาคการเงิน สาธารณสุข ค้าปลีก โทรคมนาคม และภาครัฐ

โดดเด่นเรื่องซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล Oracle Database ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ (Oracle Cloud Infrastructure: OCI) รวมถึงโซลูชัน ERP, HCM และ SCM ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการ วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ม้ามืดวงการเทคโนโลยี

จากกระแสการเติบโตตลาด AI ในปีนี้ทำให้ธุรกิจโซลูชันคลาวด์ของ Oracle โตแกร่งและได้ลูกค้ารายใหญ่เป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่หันมาแข่งขันในเรื่อง AI โดยล่าสุดหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% นับตั้งแต่เดือนมกราคม หลังจากเพิ่มขึ้นกว่า 60% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ปัจจุบันมูลค่าตลาดของ Oracle ณ เดือนมกราคม 2025 มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านเหรียญหรือราว 1.7 ล้านล้านบาท ขณะที่ความมั่งคั่งของ Larry Ellison เพิ่มขึ้นมากกว่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญในปีนี้

มากไปกว่านั้นความสัมพันธ์ใกล้ชิดของ Oracle ในโลกการเมืองถูกจับตามากยิ่งขึ้น หลังการเปิดตัวโปรเจกต์ Stargate ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนมูลค่า 500,000 ล้านเหรียญระหว่างรัฐและเอกชนที่ประกอบไปด้วย OpenAI, SoftBank และ Oracle เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั่วประเทศ ซึ่งทำให้หลายคนจับตาบทบาทของ Oracle ที่จะขึ้นมามีอิทธิพลในโลกเทคโนโลยีและแย่งชิงสัดส่วนตลาดจากคู่แข่งหลังจากนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิงข้อมูลจาก Oracle,  ListedTech Investopedia CNBC 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)