Oppo-Realme สองแบรนด์โทรศัพท์มือถือเจ้าใหญ่จากจีนที่มีบริษัทแม่เดียวกัน คือ BBK Electronics ที่ไม่ได้ขายแค่สมาร์ทโฟน แต่ยังมีบริการอื่น ๆ ทั้งระบบปฏิบัติการของตัวเอง ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ตลอดจนสินค้ากลุ่ม IoT ซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการเหล่านี้ก็สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับทั้ง 2 แบรนด์
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีประเด็นที่สมาร์ทโฟนค่ายดังอย่าง Oppo และ Realme ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการติดตั้งแอปพลิเคชันสินเชื่อ “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” เองแบบอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าติดตั้งแอปฯ ดังกล่าวมาเมื่อใด
สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้ถึงการที่จะมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของสมาร์ทโฟนโดยที่เจ้าของไม่ได้ยินยอม อีกทั้งยังไม่สามารถถอนการติดตั้งแอปฯ ออกจากเครื่องได้อีกด้วย ด้าน Oppo และ Realme ก็ได้ออกมาโต้ตอบว่า แอปฯ ดังกล่าวเป็นเซอร์วิสแอปฯ (Service Application) ที่ติดตั้งมากับเครื่องตั้งแต่ต้น (เช่นเดียวกับ Apple TV, Music, หรือ Stocks ของ iPhone)
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้หลายคนมองว่าทั้ง 2 แอปฯ ไม่ได้ใกล้เคียงกับแอปฯ เซอร์วิสเลย และยังไม่สามารถติดตามได้เลยว่าใครเป็นเจ้าของแอปฯ ดังกล่าว และแม้ว่าทั้ง 2 บริษัทจะมีการออกแถลงการณ์ว่าจะทำการแก้ไขปัญหา และจะทำการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมา
จึงเกิดเป็นข้อถกเถียงกันต่ออีกว่า การที่ทั้ง 2 แบรนด์มีบริการแบบนี้ออกมามีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร ทำไมถึงต้องมีซอฟต์แวร์ดังกล่าวออกมาให้ผู้ใช้รู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้งาน หรือจะเป็นอีกช่องทางที่ใช้ทำเงิน เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์นี้ก็มีบริการแอปฯ และซอฟต์แวร์เป็นของตัวเอง
ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปเจาะโมเดลธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท ว่าไม่ได้ทำแค่สมาร์ทโฟนเท่านั้น ยังมีการหารายได้จากช่องทางอื่น และซอฟต์แวร์ก็เป็นหนึ่งในช่องทางหาเงินหลัก ๆ ของ 2 ค่ายนี้เช่นกัน
ทั้ง Oppo และ Realme มีบริษัทแม่เดียวกัน คือ “BBK Electronics” บริษัทเอกชนข้ามชาติสัญชาติจีน ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้ประกอบด้วยสมาร์ทโฟน โทรทัศน์ เครื่องเล่น Blu-ray กล้องดิจิทัล อุปกรณ์เครื่องเสียง ตลอดจนสมาร์ทวอช ซึ่งบริษัทนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก
BBK Electronics ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1995 ในเมืองตงกวน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยผู้ก่อตั้งบริษัท BBK Electronics คือ Duan Yong Ping และมี Tony Chen เป็นซีอีโอ ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ในเขตฟูเทียน เมืองเซินเจิ้น
BBK Electronics นับว่าเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่มักจะติด Top 3 เบียดกับ Apple และ Samsung อยู่เสมอ โดยมีแบรนด์ภายใต้การดูแลอยู่มากมาย ประกอบไปด้วย Oppo, Vivo, Realme, iQOO, และ OnePlus ซึ่งแบรนด์เหล่านี้รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนราคาประหยัดไปจนถึงรุ่นพรีเมียม
แม้ว่า BBK Electronics เป็นบริษัทเอกชนและไม่ได้เปิดเผยข้อมูลทางการเงินต่อสาธารณะ แต่สินทรัพย์ของบริษัทถูกประเมินว่ามีมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และรายได้รวมจากแบรนด์ในเครือทำให้บริษัทอยู่ในกลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ BBK Electronics แบรนด์ต่าง ๆ ในเครือจะมีโมเดลธุรกิจแยกเป็นของตัวเอง
Oppo บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านสมาร์ทโฟนและนวัตกรรมต่าง ๆ ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 มีซีอีโอ คือ Tony Chen ซึ่งเป็นซีอีโอคนเดียวกับ BBK ปัจจุบัน Oppo ได้ขยายขอบเขตธุรกิจในหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลกกว่า 60 แห่ง
โมเดลธุรกิจของ Oppo มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่ายและตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่มีความสนใจในเทคโนโลยี
นอกจากนี้ Oppo ยังให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจและความภักดีในแบรนด์ อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก อย่างเช่น การใช้คนดังเป็นพรีเซนเตอร์และการสนับสนุนกิจกรรมยอดนิยม เพื่อเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ และดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยอีกด้วย
โดย Oppo มีช่องทางทำรายได้หลัก ๆ มาจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนและสินค้า IoT ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ตั้งแต่สินค้าราคาไม่สูงมากหลักไม่กี่พันบาท ไปจนถึงสินค้าระดับพรีเมียมหลักหมื่น จะมุ่งเน้นไปที่การออกแบบดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัย มีจุดขายเป็นกล้องความคมชัดสูง ตลอดจนระบบชาร์จที่รวดเร็ว โดยจะเจาะตลาดที่หลากหลายทั้งในยุโรป เอเชีย และในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
นอกจากนี้ Oppo ยังมีบริการในกลุ่มซอฟต์แวร์อีกด้วย เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจรผ่านอีโคซิสเต็มของ Oppo โดยจะมี “ColorOS” เป็นระบบปฏิบัติการ Android-Based ที่พัฒนาโดย Oppo เอง
อีกทั้งยังมี Pre-Installed Apps หรือแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ติดมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการและเครื่องสมาร์ทโฟน ซึ่งในส่วนนี้ Oppo จะทำเงินได้จากค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์ม ค่าคอมมิชชั่นส่วนแบ่งจากการโหลดแอปฯ และจะได้ส่วนแบ่งจากการจับมือกับพาร์ทเนอร์ ทั้ง Search Engine และอื่น ๆ ที่เข้ามาร่วมบนระบบปฏิบัติการของ Oppo
อย่างไรก็ตาม Oppo ไม่ได้มีการออกมาเปิดเผยตัวเลขรายได้อย่างเป็นทางการ แต่มีการประมาณการสัดส่วนรายได้ ออกมาดังนี้
โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา Oppo มียอดส่งออกสมาร์ทโฟนที่ 103.1 ล้านเครื่อง ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้าที่มียอดส่งออกที่ 103.2 ล้านเครื่อง นอกจากนี้ จากข้อมูลบน Statista พบว่า ยอดขายในปี 2024 สิ้นสุดที่ไตรมาส 3 มียอดส่งออกที่ 79.8 ล้านเครื่อง
โดยในปี 2024 ในตลาดประเทศไทย Oppo มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 14.33% เป็นอันดับที่ 3 ตามหลังเพียง Apple และ Samsung
แบรนด์ Realme คือหนึ่งในแบรนด์ลูกของ Oppo โดยมี BBK Electronics เป็นบริษัทแม่ที่ดูแลทั้ง 2 ซึ่ง Realme ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ปัจจุบันมี Sky Li เป็นซีอีโอ เป็นสมาร์ทโฟนที่จะโฟกัสไปในตลาดที่ต้องการมือถือราคาไม่สูงมากนั่นเอง
โมเดลธุรกิจของ Realme มีรูปแบบเหมือนกับ Oppo คือ หารายได้หลักจากการขายสมาร์ทโฟน ฮาร์ดแวร์ และเสริมด้วยบริการซอฟต์แวร์ ผลิตภัณฑ์ในระบบนิเวศ (Ecosystem Products) และความร่วมมือทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์
โดยมีรายได้หลักมาจากยอดขายสมาร์ทโฟน ซึ่งจะเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ไม่สูงมาก สินค้ามาในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ และยังเจาะกลุ่มคนอายุน้อย ด้วยการออกแบบฟีเจอร์ภายในให้พรีเมียม และยังเป็นตัวเต็งสำคัญที่แข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนระดับประหยัดและระดับกลาง โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป
Realme ยังมีกลยุทธ์ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้มีการอัปเดตฟีเจอร์ภายในมากนัก เพื่อรักษาความสนใจของตลาด และตอบโจทย์กับผู้ที่เปลี่ยนโทรศัพท์บ่อย ๆ
อีกหนึ่งช่องทางหารายได้ของ Realme คือ มาจากการจำหน่ายสินค้า IoT ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่ม Wearables ทั้งสมาร์ทวอทช์และสายรัดสุขภาพ หูฟังไร้สาย และสมาร์ททีวี ทั้งนี้เพื่อสร้างระบบนิเวศของ Realme เอง
นอกจากนี้ Realme ยังมีการออกแบบระบบปฏิบัติการ “Realme UI” โดยพัฒนาบน Android ให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้ใช้ และก็มักจะมี Pre-Installed Apps ติดเครื่องมาด้วยเช่นกัน จากส่วนนี้ Realme หารายได้จากค่าคอมมิชชั่นจากการขายแอปฯ บนระบบปฏิบัติการ ค่าโฆษณา และส่วนแบ่งจากพาร์ทเนอร์ จะเห็นได้ว่ามีรูปแบบเช่นเดียวกับ Oppo เลย
อย่างไรก็ตาม Realme ไม่ได้มีการออกมาเปิดเผยตัวเลขรายได้อย่างเป็นทางการ แต่มีการประมาณการสัดส่วนรายได้ ออกมาดังนี้
แม้ Realme จะเปิดตัวมาไม่นาน แต่ในปี 2021 แบรนด์นี้ทำยอดขายทะลุ 100 ล้านเครื่อง และในปี 2023 บริษัทก็ออกมาเผยว่าตอนนี้สามารถทำยอดได้สูงกว่า 200 ล้านเครื่องแล้ว ส่งผลให้กลายเป็นแบรนด์ที่สามารถทำยอดได้รวดเร็วที่สุดเป็นอันดับ 5
ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 จากข้อมูลของ Statista พบว่า Realme จัดส่งสมาร์ทโฟนประมาณ 4.3 ล้านเครื่องในอินเดีย ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 12% และในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 แบรนด์ Realme อยู่อันดับที่ 2 ของตลาดสมาร์ทโฟนในฟิลิปปินส์ โดยมีส่วนแบ่งตลาด 17% และเติบโตกว่า 10% เมื่อเทียบปีต่อปี
ในขณะที่ประเทศไทย Realme มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 4.67% ติดอันดับที่ 6 เป็นรองจาก Apple, Samsung, Oppo, Vivo และ Xiaomi
จะเห็นว่าทั้งสองแบรนด์ไม่ได้มีรายได้จากแค่ขายมือถือ แต่กำลังรุกซอฟต์แวร์มากขึ้นเพื่อหาเส้นทางรายได้ใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจบริการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสัดส่วนรายได้ที่มาจากซอฟต์แวร์ถึง 5-10% ของรายได้ทั้งหมด ผ่านการสร้างรายได้จากค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์ม ค่าคอมมิชชั่นจากการโหลดแอปพลิเคชัน และส่วนแบ่งจากการจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ
แม้ยอดขายสมาร์ทโฟนจะยังเป็นรายได้หลักที่ 80-85% แต่ตัวเลขการเติบโตไม่ได้สูงมากนัก โดยเฉพาะ Oppo ที่ยอดส่งออกในปี 2023 ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน ทำให้ทั้งสองแบรนด์ต้องหันมาเน้นการสร้างระบบนิเวศผ่านสินค้า IoT และอุปกรณ์เสริมที่สร้างรายได้อีก 10% พร้อมกับการพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง (ColorOS และ Realme UI) เพื่อสร้างรายได้จากบริการดิจิทัลในระยะยาว
จากกรณีแอปพลิเคชันสินเชื่อที่ติดตั้งมาโดยอัตโนมัติ อาจจะเป็นอีกบริการทางเลือกหนึ่งที่เปิดให้ผู้ใช้ได้ลองใช้งาน หรืออาจจะเป็นการทดลองโมเดลธุรกิจซอฟต์แวร์ที่อาจจะรุกตลาดใหม่ เนื่องจากธุรกิจการขายฮาร์ดแวร์ยังคงมีการแข่งขันสูง และอัตรากำไรที่ไม่สูงมากนัก แต่ท้ายที่สุดกลับส่งผลให้ผู้ใช้งานเกิดความกังวลในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอให้ทาง Oppo และ Realme ออกมาแสดงความชัดเจน และหาทางออกที่เหมาะสมกับทุกฝ่ายต่อไป
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney