“สรุปไฮไลต์ NVIDIA” จาก CES 2025 ที่บอกว่ายุคใหม่ AI ใกล้เข้ามาอีกก้าว

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“สรุปไฮไลต์ NVIDIA” จาก CES 2025 ที่บอกว่ายุคใหม่ AI ใกล้เข้ามาอีกก้าว

Date Time: 8 ม.ค. 2568 08:58 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • สรุปไฮไลต์สำคัญที่ Jensen Huang พูดบนเวที CES 2025 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการ AI เจาะแนวคิด Agentic AI และ Physical AI แบบไม่ขายฝัน ความก้าวหน้าใหม่ในโลกเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทต่ออุตสาหกรรมและองค์กรธุรกิจหลังจากนี้

Latest


การปรากฏตัวบนเวทีอีกครั้งของ เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Nvidia บริษัทชิปจีพียูเบอร์หนึ่งของโลก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้กลายเป็นหนึ่งในเซสชั่น Keynote ที่จับใจสายเทคฯ ทั่วโลกและเชื่อว่าใครหลายคนตั้งตารอคอยมากที่สุดของงาน CES 2025 ในปีนี้

CES 2025 นับเป็นงานมหกรรมจัดแสดงเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดงานหนึ่งของโลก ซึ่งจะจัดขึ้นทุกช่วงต้นเดือนมกราคมของทุกปีที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทเทคโนโลยีและแบรนด์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกจากทุกภูมิภาคจะมารวมตัวกัน เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ ๆ ของตนเองให้กับทั้งโลกได้รู้จัก

โดยหนึ่งในนั้น คือ บิ๊กเทคที่ได้สถานะผู้ชนะตัวจริงในปี 2024 อย่าง Nvidia บริษัทชิปจีพียูเบอร์หนึ่งของโลกที่ได้ขึ้นกล่าววิสัยทัศน์ การเดินทางสามทศวรรษตั้งแต่ปี 1999 ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีต้นกำเนิดจากหัวใจสำคัญอย่าง GPU และการเข้าสู่ยุค AI สมัยใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตเราไปอย่างสิ้นเชิง โดยทั้งหมดล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของบริษัทในด้านปัญญาประดิษฐ์ในทุกอุตสาหกรรม ตอกย้ำบทต่อไปของเทคโนโลยีหลังจากนี้

สรุปไฮไลต์สิ่งที่ Jensen Huang พูดบนเวที CES 2025

NVIDIA Cosmos เครื่องมือ AI จำลองโลก

เจนเซ่น หวง เริ่มต้นฉายภาพให้เห็นถึงเป้าหมายในการไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “Physical AI” ผ่านโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า “Nvidia Cosmos” World Foundation Model ที่ผสมผสานกับโมเดลจำลองโลกเสมือนดั้งเดิมที่มีอยู่อย่าง Omniverse สู่โมเดล AI รูปแบบใหม่ที่สามารถเข้าใจและจำลองสภาพแวดล้อมในโลกในเชิงกายภาพได้สมจริงมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนเครื่องมือจำลองโลก จากการเทรนด้วยข้อมูล ภาพ และวิดีโอของสถานที่นั้นๆ เพื่อเจนเนอเรท Physical AI หรือโลกจำลองขึ้นมา

โลกแห่ง Physical AI ของ Nvidia คือ ขั้นต่อไปซอฟต์แวร์ AI ที่สามารถจำลองโลกหรือพื้นที่ใดหนึ่งเพื่อรองรับการทดสอบโปรเจกต์ที่จำเป็นต้องพัฒนาระบบทางกายภาพ ทั้งเรื่องการเคลื่อนไหวการวิเคราะห์พฤติกรรมของสิ่งของหรือการคำนวณในเชิงพื้นที่ ยกตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา Robotics หรือการทดสอบ Autonomous System หลากหลายรูปแบบ ลองนึกภาพว่าเราไม่ต้องลงทุนทดลองใช้หุ่นยนต์ราคาแพงในโรงงานอุตสาหกรรมหรือนำรถยนต์ออกสู่ท้องถนนอีกต่อไป

Cosmos มีเป้าหมายทำให้มัลติเวิร์สหรือโลก Digital Twin สมจริงยิ่งขึ้น โดยความสามารถของ AI ทำให้เราสามารถจำลองอนาคตที่เป็นไปได้ทั้งหมดและเลือกการดำเนินการที่เหมาะสมที่สุดได้ แพลตฟอร์มดังกล่าวจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial AI) เหมือนกับผลกระทบของ Generative AI ในปัจจุบัน

มากไปกว่านั้นยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทชั้นนำด้านหุ่นยนต์และยานยนต์ เช่น 1X, Agile Robots, Agility, Figure AI, Foretellix, Fourier, Galbot, Hillbot, IntBot, Neura Robotics, Skild AI, Virtual Incision, Waabi และ XPENG รวมไปถึงยักษ์ใหญ่ด้านบริการเรียกรถอย่าง Uber เป็นกลุ่มแรกๆ ที่นำ Cosmos มาใช้อีกด้วย

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวแรกของโลก รันโมเดลได้จากที่บ้าน

ตามมาด้วยไฮไลต์ที่หลายคนว้าวมากที่สุด นั่นก็คือ “Project DIGITS” ในฐานะซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ตัวจิ๋วที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการประมวลผลเหนือระดับ โดยมีโครงสร้างหลัก คือ ซูเปอร์ชิป NVIDIA GB10 Grace Blackwell ตัวใหม่ที่เชื่อมต่อกับ NVIDIA Grace CPU 20 Core ที่มอบประสิทธิภาพการประมวลผล AI ในระดับ petaflop ที่ความแม่นยำ FP4 เหมาะสำหรับการสร้างต้นแบบ การปรับแต่ง และการรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดยสามารถรันโมเดลได้สูงถึง 200 พันล้านพารามิเตอร์ พร้อมหน่วยความจำรวม 128GB และที่เก็บข้อมูล NVMe สูงสุด 4TB ด้วย

ประสิทธิภาพของ Project DIGITS ถือเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่เล็กที่สุดในโลกในขณะนี้ พูดง่าย ๆ คือ Nvidia สร้างการเข้าถึงขุมพลังของ Grace Blackwell ผ่านหน้าเดสก์ ด้วยพลังการประมวลผลระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในสเกลคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่สามารถรันโมเดลขนาดใหญ่จากโต๊ะทำงานที่บ้านได้นั่นเอง Project DIGITS จะสนับสนุนวิศวกรซอฟต์แวร์ องค์กรผู้วิจัย AI นักวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักเรียนและศิลปินสร้างสรรค์ทุกคน

ผู้ใช้จะสามารถสร้างต้นแบบ AI ปรับแต่งและทดสอบโมเดลบนระบบ Project DIGITS ที่รันอยู่บนแพลตฟอร์มของ Nvidia ทั้งหมดแบบ Full stack ไม่ว่าจะเป็น NVIDIA DGX OS บน Linux และ NVIDIA DGX Cloud™ อินสแตนซ์คลาวด์ที่สามารถปรับขนาดบนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์หรือศูนย์ข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise ได้ทันที รวมถึงใช้ประโยชน์จาก NVIDIA Blueprints และไมโครเซอร์วิส NVIDIA NIM™, Omniverse, Cosmos โดยมีแผนวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ในราคาเริ่มต้นที่ 3,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 100,000 บาท

อิทธิพลในโลกยานยนต์

ในครั้งนี้ดูเหมือนว่า Nvidia จะมีบทบาทมากขึ้นในภาคยานยนต์ โดยเฉพาะนวัตกรรมยานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) ที่ทำให้เห็นแนวโน้มความเป็นไปได้ต่อไปของ Self-driving Tech ในโลกยานยนต์ ท่ามกลางความพยายามในปัจจุบันที่มีผู้เล่นหลายรายต่างกำลังพัฒนาระบบของตนเอง

ตั้งแต่การเปิดตัวแพลตฟอร์ม AV ครบวงจรตัวแรกที่ชื่อว่า “Nvidia DRIVE Hyperion AV” ที่สร้างขึ้นบน Nvidia AGX Thor system-on-a-chip (SoC) รุ่นใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการผนึกกำลังของโมเดล AI Simulator อย่าง Omniverse และ Cosmos ที่สามารถจำลองสถานการณ์การขับขี่และการปรับปรุงข้อมูลแบบ Synthetic data ได้อย่างรวดเร็วขึ้นในระดับหลายเท่า ซึ่งทำให้ชุดข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับขี่อัตโนมัติปลอดภัยและล้ำหน้าเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ Nvidia ได้ประกาศความร่วมมือร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ในการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ ได้แก่ Toyota ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่ที่สุดของโลกที่วางแผนสร้างรถยนต์รุ่นต่อไปโดยใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Nvidia ได้แก่ DRIVE AGX Orin และระบบปฏิบัติการ Nvidia DriveOS เพื่อขับเคลื่อนฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง รวมถึงความร่วมมือกับ Continental และบริษัทผู้ผลิตรถบรรทุกไร้คนขับ Aurora ที่จะใช้ฮาร์ดแวร์และ Nvidia DriveOS ควบคู่ไปกับระบบขับขี่อัตโนมัติของ Aurora ที่เรียกว่า Aurora Driver Continental โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถบรรทุกไร้คนขับสำหรับขนส่งสินค้าในปี 2027

นอกจากนี้ไฮไลต์อื่น ๆ ที่พลาดไม่ได้ คือ การเผยโฉม GPU GeForce RTX 50 Series รุ่นใหม่ที่ใช้ NVIDIA Blackwell มอบความสมจริงของภาพที่น่าทึ่งและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น นับเป็น GPU GeForce RTX ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่มีมา ตลอดจนอนาคตของหุ่นยนต์ที่ชัดเจนขึ้น โดย Nvidia นำเสนอ NVIDIA Isaac GR00T Blueprint หรือ Mega blueprint โมเดลฝึกหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่จะช่วยให้นักพัฒนาบันทึกการเคลื่อนไหวเฉพาะเพื่อสอนหุ่นยนต์ โมเดลจะนำการเคลื่อนไหวมาสังเคราะห์และสร้างชุดการเคลื่อนไหวจำนวนมากตามคำสั่ง

นอกจากนี้ยังมี NVIDIA AI Blueprints สำหรับการสร้างแอปพลิเคชัน "Agentic AI" ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกสร้างเอเจนต์ AI ของตนเอง สำหรับการทำงานเฉพาะทางด้านต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น นักพัฒนาสามารถสร้างและปรับใช้เอเจนต์ AI แบบกำหนดเองได้ โดยเอเจนต์ AI จะสามารถคิด วางแผน และดำเนินการเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว สรุป และกลั่นกรองภาพ วิดีโอ ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ได้แล้วแต่คำสั่ง

อ้างอิงข้อมูลจาก NVIDIA 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ