ขณะที่มูลค่าตลาดและรายได้ของยักษ์ใหญ่ชิป AI มูลค่าสูงสุดในโลกพุ่งสูงขึ้น อัตราการลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน AI ก็พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ข้อมูลจาก Dealroom Research พบว่า ช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2024 Nvidia ทุ่มเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปกับการลงทุนด้าน AI ทั้งการร่วมระดมทุนในสตาร์ทอัพและการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์
Nvidia ได้กลายเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของเหล่าสตาร์ทอัพ AI โดยจำนวนเงินลงทุนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ใช้เงินไปประมาณ 872 ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านข้อตกลงทั้งหมด 35 รายการ ซึ่งมากกว่าการลงทุนในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 ถึง 10 เท่า และยังให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพรวมแล้วมากกว่า 50 แห่งตั้งแต่ปี 2023
นอกจากนี้ปี 2024 ยังเป็นปีที่มีการเข้าซื้อกิจการมากที่สุด ทั้งหมด 7 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มซอฟต์แวร์ AI จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ OctoAI มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, Shoreline.io มูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, Deci มูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Nebulon และ Brev.dev ที่ไม่เปิดเผยมูลค่าลงทุน และรายล่าสุดอย่าง Run:ai แพลตฟอร์มจัดการเวิร์กโหลด AI จากอิสราเอล มูลค่าประมาณ 700 ล้านดอลลาร์ โดยอีก 1 ราย คือ สตาร์ทอัพด้านเฮลท์แคร์จากเวียดนามที่ชื่อว่า VinBrain ซึ่งไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการลงทุนเช่นเดียวกัน
รายงานชี้ให้เห็นว่า แม้ Google จะยังเป็นบิ๊กเทคที่ลงทุนในสตาร์ทอัพหรือบริษัทรายเล็กนำมาเป็นอันดับหนึ่งในปี 2024 แต่ Nvidia มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2022 กระทั่งมีการบรรลุข้อตกลงที่มากกว่า Microsoft และ Amazon ในปีที่ผ่านมา
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Tracxn ระบุว่า Nvidia เข้าซื้อกิจการเฉลี่ยเกือบ 2 แห่งต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยการเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ครอบคลุมมากกว่า 7 ประเทศและส่วนใหญ่อยู่ในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้มีการลงทุนที่โดดเด่นอย่างการถือหุ้นใน xAI ของ Elon Musk ร่วมกับคู่แข่งอย่าง AMD และการเข้าร่วมในรอบการระดมทุนของผู้ให้บริการโมเดล AI ชั้นนำอย่าง OpenAI, Cohere, Perplexity และ Mistral โดยส่วนหนึ่งของสตาร์ทอัพ AI ที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอของ Nvidia ในปัจจุบัน ประกอบด้วย Inflection AI, Adapt AI, Wayve, Hugging Face, Bright Machine, CoreWeave, Figure AI, Databricks และ DeepMap
Financial Times รายงานเพิ่มเติมว่าในปีนี้ Nvidia มุ่งไปที่บริษัท ‘สตาร์ทอัพด้าน AI’ ที่กำลังต้องการสเกลหรือยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลของตนเอง รวมถึงในบางกรณีที่บริษัทนั้น ๆ ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์บริการของ Nvidia โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนการทำงานด้าน AI ซึ่งได้กลายเป็นสินค้าที่ร้อนแรงที่สุดในโลกขณะนี้ นับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT เมื่อสองปีก่อนและจุดประกายให้เกิดการลงทุนด้าน AI ทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ตามการลงทุนของ Nvidia ทำให้เกิดความกังวลเรื่องการผูกขาดเหนืออุตสาหกรรม โดยที่สตาร์ทอัพรายเล็กเหล่านี้จะเป็นผู้สร้างรายได้ที่สำคัญยิ่งขึ้นสำหรับ Nvidia ในอนาคต
โดยล่าสุด Nvidia ได้รับหมายเรียกจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ที่กำลังมุ่งตรวจสอบองค์กรธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดในประเด็นการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
ช่วงที่ผ่านมา Nvidia มีการลงทุนที่กว้างขวางในกลุ่ม AI ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ เสิร์ชเอนจิ้น เกม โดรน ชิป การจัดการการจราจร โลจิสติกส์ การจัดเก็บและการสร้างข้อมูล โมเดลประมวลภาษา และการสร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไปจนถึงยานยนต์ไร้คนขับ
นอกจากนี้ยังมีศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Inception ซึ่งช่วยในการพัฒนาบริษัทน้องใหม่หลายพันแห่งในช่วงเริ่มต้น โดยโปรแกรม Inception เปิดให้ใช้ฮาร์ดแวร์ในราคาพิเศษ รวมถึงเครดิตคลาวด์จากพันธมิตรของ Nvidia อีกด้วย
Nvidia ยังคงเดินหน้าแผนลงทุนเชิงกลยุทธ์และกล่าวต่อประเด็นนี้ว่า บริษัททุกแห่งควรมีอิสระในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและกลยุทธ์ของตนเอง อีกทั้งยังปฏิเสธต่อแนวคิดที่เชื่อมโยงการระดมทุนกับข้อกำหนดใดๆ ในการนำเทคโนโลยีมาใช้
โดยเป้าหมายใหญ่ยังคงเป็นไปเพื่อการขยายระบบนิเวศและเสริมสร้างตำแหน่งของตนเองในภูมิทัศน์เทคโนโลยี AI การซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์เหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของ Nvidia ที่ต้องการปรับปรุงความสามารถด้านซอฟต์แวร์และคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเอง ทำให้ Nvidia สามารถเสนอโซลูชันได้ครอบคลุมมากขึ้น ตั้งแต่เซมิคอนดักเตอร์ประสิทธิภาพสูงไปจนถึงเครื่องมือผสานรวมซอฟต์แวร์ ทำให้การปรับใช้ AI มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากขึ้นสำหรับลูกค้าองค์กรทั่วโลก
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -