ในยุคที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ครองโลก ทั้ง Google ที่ผูกขาดการค้นหาข้อมูล Meta ที่ครองโซเชียลมีเดีย หรือ Apple ที่สร้างระบบนิเวศดิจิทัลของตัวเอง หลายคนอาจคิดว่าบริษัทเหล่านี้จะครองความยิ่งใหญ่ไปตลอดกาล แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในแต่ละยุคสมัยกลับกำลังบอกเราว่า อาจไม่เป็นเช่นนั้น
คำกล่าวของ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ที่ว่าบริษัทใหญ่มักมีอายุขัยเพียง 30 ปี ไม่ใช่ 100 ปีอย่างที่หลายคนเข้าใจ อาจไม่ใช่เรื่องเกินจริง เมื่อเราเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในวงการเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้แม้แต่บิ๊กรายใหญ่ก็ล่มสลายลงได้นั้น คือการ “มองกำไรเหนือนวัตกรรม” คือการให้ความสำคัญกับจำนวนเงินมากกว่าที่จะพัฒนานวัตกรรม และการเลือกที่จะ “ไม่ปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลง” ยกตัวอย่างเช่น Intel ที่ปัจจุบันไม่สามารถรักษาตำแหน่งบริษัทเทคฯ ที่ทันโลกได้แล้ว และยังเสียส่วนแบ่งทางตลาดให้คู่แข่งเจ้าอื่นต่อเนื่อง
บทความที่เกี่ยวข้อง:
Jeff Bezos นักธุรกิจและนักลงทุน ผู้ก่อตั้ง Amazon แพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์และบริการคลาวด์เซอร์วิสเจ้าใหญ่ของโลก เคยกล่าวไว้ว่า “บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักมีอายุประมาณ 30 ปี” ซึ่งปีนี้ 2024 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Amazon ก็มีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์แล้ว ทำให้คำพูดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง และเกิดคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ Amazon ต่อจากนี้?
โดยเขาเคยกล่าวกับพนักงานไว้ว่า “Amazon ไม่ได้ใหญ่โตจนล้มเหลวไม่ได้ จริงๆ แล้ว ผมคิดว่า วันหนึ่ง Amazon อาจจะล้มเหลวหรือจะล้มละลาย หากลองมองบริษัทใหญ่ ๆ อายุขัยของพวกมันมักจะอยู่ที่ประมาณ 30 ปี ไม่ใช่ร้อยกว่าปี”
ย้อนกลับไปในวันที่ 5 กรกฎาคม 1994 เป็นวันที่ Jeff Bezos ยื่นเอกสารเพื่อจดทะเบียนบริษัท Cadabra Inc. ซึ่งเป็นชื่อเดิมของ Amazon และในปีนี้ก็เป็นปีที่ Amazon อายุครบ 30 ปีแล้ว ซึ่งทำให้มีการมองย้อนกลับไปว่า Amazon เริ่มล้มเหลวแล้วหรือไม่? แต่หากลองพิจารณาจากขนาดของบริษัทเชื่อว่าเรื่องของ “ความล้มเหลว” ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ปัจจุบัน Amazon มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่กว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นลำดับที่ 4 ของโลก อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์ม Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคำนวณจากมูลค่าการขายสินค้าออนไลน์
หากเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ที่เป็นรายใหญ่ของโลก ก็ยังเรียกได้ว่า Amazon ยังมีอายุน้อยอยู่ โดย Microsoft มีอายุ 49 ปี, Apple มีอายุ 48 ปี, Nvidia มีอายุ 31 ปี, และ Alphabet มีอายุน้อยที่สุดที่ 26 ปี
และจากมุมมองนี้ ยังเห็นอีกว่า Jeff Bezos อาจจะเข้าใจผิดที่ว่าบริษัทใหญ่ ๆ จะอายุไม่ถึงร้อยปี ซึ่งจะเห็นว่ามีบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากมายอายุมากกว่า 100 ปี ไม่ว่าจะเป็น
อย่างไรก็ตาม คำพูดของ Jeff Bezos ข้างต้นเกิดขึ้นจากการตอบคำถามพนักงาน ที่ถูกถามในประเด็นที่เกี่ยวกับชะตากรรมของ Sears ซึ่งเคยเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐฯ แต่กลับต้องยื่นคำร้องล้มละลายไปเมื่อไม่นานมานี้ ว่า Amazon จะมีชะตากรรมแบบเดียวกันหรือไม่
ซึ่งจากคำของ Jeff Bezos หากมองอีกมุมหนึ่ง จะพบว่ามันเปรียบกับว่า บริษัททั่วไปแล้วต่อให้ใหญ่แค่ไหน อย่างไรก็ล้มได้ เพราะอย่าลืมว่า บริษัทใหญ่แม้จะมีข้อได้เปรียบในด้านเงินทุน แต่ในด้านต้นทุน กลับมีข้อเสียเปรียบ ทั้งจากค่าดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เงินทุนที่จะลงในคน ไปจนถึงเงินเดือนผู้บริหาร ต้นทุนคงที่เหล่านี้ทำให้บริษัทช้าลงและเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เกราะกำบังถาวร แต่การอยู่รอดในระยะยาวนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว เข้าใจความต้องการของลูกค้า และพร้อมเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทอายุเท่าไหร่ กฎข้อนี้ยังคงใช้ได้เสมอ แต่สำหรับบริษัทใหญ่ ต้นทุนที่ต้องแบกรับ ประกอบกับโครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อน อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัว แต่หากรู้จักบริหารจัดการที่ดี รักษาวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา ก็มีโอกาสที่จะยืนได้ยาวนานเกินกว่า 30 ปีที่ Jeff Bezos คาดการณ์ไว้
ที่มา: Inc., CompaniesMarketCap, ChannelEngine, LinkedIn
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney