บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) ในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการระบบการชำระเงิน และการโอนเงินระหว่างธนาคารของประเทศไทย เชื่อมโยงระบบการชำระเงินกับต่างประเทศ ตามที่ได้รับมอบหมายให้เป็น Interbank Transaction Management and Exchange หรือ ITMX ของประเทศไทย ได้เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบชำระเงินดิจิทัล “พร้อมเพย์” ประจำเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่มั่นคงและต่อเนื่องของการใช้บริการระบบนี้ทั้งในภาคประชาชนและภาคธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยยิ่งขยับเข้าใกล้สังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ
ยอดการลงทะเบียนและธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก NITMX ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 ชี้ให้เห็นว่ามีการลงทะเบียนหมายเลขพร้อมเพย์รวมทั้งสิ้น 78.54 ล้านเลขหมาย โดยแบ่งเป็นการลงทะเบียนของภาคประชาชนจำนวน 78.18 ล้านเลขหมาย และการลงทะเบียนของภาคธุรกิจจำนวน 0.36 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของระบบการชำระเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มประชาชนและองค์กรธุรกิจทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยอดการทำธุรกรรมโอนเงินและการชำระเงินในเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนรวมกว่า 2.02 พันล้านรายการ ซึ่งเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 โดยมูลค่ารวมของธุรกรรมสูงถึง 4.22 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% จากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ถือเป็นวันสำคัญของเดือนที่มีธุรกรรมสูงสุดถึง 83.27 ล้านรายการ แสดงถึงความคึกคักของการทำธุรกรรมในช่วงสิ้นเดือน
รองรับนักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล
นอกจากการเติบโตของการใช้งานพร้อมเพย์ภายในประเทศแล้ว บริการ PromptPay Cross-Border QR Payment ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก โดยในเดือนตุลาคม 2567 ยอดการใช้จ่ายผ่านบริการดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 313% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ความสำเร็จนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล และสร้างความสะดวกในการทำธุรกรรมอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต
นักท่องเที่ยวมาเลเซียครองอันดับหนึ่งของการใช้บริการ PromptPay
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียครองอันดับหนึ่งของการใช้บริการนี้ด้วยยอดการใช้จ่ายรวมสูงสุดถึง 120.64 ล้านบาท ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่ 38.59 ล้านบาท และกัมพูชาที่ 22.63 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในบริการชำระเงินดิจิทัลของประเทศไทย
อันดับที่ 1 มาเลเซีย (120.64 ล้านบาท)
อันดับที่ 2 อินโดนีเซีย (38.59 ล้านบาท)
อันดับที่ 3 กัมพูชา (22.63 ล้านบาท)
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นของ “NITMX” ที่พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดมาโดยตลอด ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีศักยภาพในระดับสากล