ย้อนกลับไปในปี 2023 Meta เปิดตัวบริการสมัครสมาชิกแบบไม่มีโฆษณา (Ad-free Subscription) สำหรับผู้ใช้ในสหภาพยุโรป สืบเนื่องจากกฎระเบียบของสหภาพยุโรปที่ได้ฟ้องร้อง Meta ในข้อหาละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (GDPR) ด้วยการโยกย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในยุโรปไปยังเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐฯ รวมถึงการจัดการข้อมูลเพื่อการโฆษณาที่ได้กล่าวหาว่าบริษัทบังคับให้ผู้ใช้ตกลงยินยอมรับโฆษณาส่วนบุคคลโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลของไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักของ Meta ในสหภาพยุโรปได้สั่งปรับ Meta เป็นเงินกว่า 390 ล้านยูโรหรือราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งศาลสูงสุดของยุโรปตัดสินว่า Meta ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมจากแพลตฟอร์มเพื่อสร้างโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย โดยให้เงื่อนไขว่า Meta จะเสนอโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้ในยุโรปต่อไปได้ต้องจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้แต่ละราย
ตามคำเรียกร้องของหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป Meta ได้ประกาศระบบการใช้งาน “Pay or Consent” ซึ่งเปิดทางเลือกให้ผู้ใช้ Facebook และ Instagram ในยุโรปเลือกจ่ายเงินเพื่อใช้บริการที่ไม่มีโฆษณา (Ad-free Subscription) หรือใช้ฟรีแต่ต้องแลกกับการดูโฆษณา
อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมาว่ารูปแบบโฆษณาแบบ “Pay or Consent” ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติ Digital Markets Act (DMA) ที่กำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีจะต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้ก่อนที่จะรวมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเข้ากับข้อมูลของบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งหากผู้ใช้ไม่ยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเพื่อโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย พวกเขาควรมีสิทธิ์เข้าถึงทางเลือกอื่นที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลน้อยลง
โดยล่าสุด Meta ได้ออกแถลงการณ์ว่าผู้ใช้ Instagram และ Facebook ในยุโรปที่เลือกใช้บริการแบบฟรี จะได้รับ "โฆษณาที่ปรับให้เฉพาะบุคคลน้อยลง" (Less Personalised Ads) โดยผู้ใช้จะไม่โดนยิงแอดที่เฉพาะเจาะจงและจะมองเห็นโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตนเองมากขึ้น ซึ่งเวอร์ชันนี้ Meta ได้ปรับอัลกอริทึมการประมวลผลแบบเฉพาะเจาะจงที่อิงตามชุดข้อมูลขั้นต่ำ รวมถึงอายุ เพศ ที่ตั้งของผู้ใช้ และวิธีที่พวกเขาโต้ตอบกับโฆษณา ซึ่งจะเป็นชุดข้อมูลที่จำกัดเพื่อให้เป็นไปตามข้อกฎหมายของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ Meta ยังระบุถึงการปรับลดราคาสำหรับผู้ใช้งานที่สมัครสมาชิกเวอร์ชันแบบไม่มีโฆษณาลง 40% อีกด้วย
ผู้ใช้จะยังคงมีตัวเลือกในการเลือกระหว่างการสมัครสมาชิกเพื่อรับประสบการณ์แบบไม่มีโฆษณาหรือใช้บริการฟรีแต่จะเห็นโฆษณาแบบทั่วไปที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของบุคคลนั้น ๆ ผู้ใช้จะเห็นโฆษณาที่พวกเขาไม่รู้สึกว่าน่าสนใจ
Meta ยืนยันว่า การลดลงของความเกี่ยวข้องนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่าโฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล (Personalized Ads) จะสร้างคุณค่าสำหรับผู้ใช้และธุรกิจ ช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่ตนเองสนใจ อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะสนใจในสิ่งที่พวกเขาเสนอ
โดยระบุว่า การควบคุมที่เคร่งครัดของสหภาพยุโรปจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับธุรกิจในการค้าขายออนไลน์และทำให้การโฆษณาดิจิทัลมีประสิทธิภาพน้อยลง เช่นเดียวกับเมื่อการเปลี่ยนแปลงของ Apple ที่ได้ประกาศใช้ App Tracking Transparency ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงลูกค้าได้ยากขึ้นและมีต้นทุนสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม Meta ยืนยันว่า บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายต่อไป เพราะโฆษณาส่วนบุคคลเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้คนและสร้างคุณค่าสำหรับธุรกิจซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของอินเทอร์เน็ตต่อไป
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -