มัดรวมนโยบายเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์ อนาคต “บิทคอยน์-AI-บิ๊กเทค” จะเป็นอย่างไรต่อไป?

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

มัดรวมนโยบายเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์ อนาคต “บิทคอยน์-AI-บิ๊กเทค” จะเป็นอย่างไรต่อไป?

Date Time: 7 พ.ย. 2567 17:04 น.

Video

บุกโรงงาน PANDORA ช่างไทยผลิตจิวเวลรี่ แบรนด์โลกแสนล้าน | On The Rise

Summary

  • Thairath Money รวมแนวนโยบายเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลสำคัญ ๆ ที่อาจส่งผลถึงภาพต่อไปของเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อโลกก้าวสู่ยุค AI นวัตกรรมที่กลายเป็นทั้งความท้าทายและความหวังครั้งใหม่ ตลอดจนอุตสาหกรรมการเงินแห่งอนาคตที่ทรัมป์ที่เรียกตัวเองว่า Pro-Crypto สนับสนุนทั้งคริปโตเคอเรนซีและบล็อกเชน ซึ่งแตกต่างกับจุดยืนของรัฐบาลโจ ไบเดนอย่างสิ้นเชิง

Latest


หากเจาะไปที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยตรงจะเห็นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความชัดเจนว่าเขาต้องการล้มกระดานเกือบทั้งหมดของ โจ ไบเดน โดยเฉพาะคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีที่เขามองว่าเป็นรัฐบาลเข้าไปกำกับและแทรกแซงเอกชนมากเกินไป

การกำกับดูแลบางอย่างที่ไม่เอื้อต่อการแข่งขันของธุรกิจอย่างเสรีและการวางแนวการกำกับดูแลเทคโนโลยีเกิดใหม่บางอย่าง ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดขัดขวางการเติบโตของนวัตกรรม 

อย่างไรก็ตามการแบนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และการค้าขายชิ้นส่วนสำคัญทางเทคโนโลยีร่วมกับจีนคาดว่าจะดำเนินต่อไป สืบเนื่องจากสงครามการค้าที่เริ่มต้นใช้มาตรการดังกล่าวในยุคสมัยของทรัมป์ในสมัยก่อนหน้านี้ กอปรกับการป้องกันอิทธิพลจากจีนที่ผู้ผลิตและผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายใหญ่ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในช่วงที่ผ่านมา

ในฐานะมหาอำนาจที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดระบบนิเวศอุตสาหกรรมโลก การทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ การแข่งขันกับจีน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือแม้แต่อุตสาหกรรมคริปโตฯ จากคณะรัฐบาลชุดก่อน อาจเปลี่ยนภูมิทัศน์เดิมและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในต่อภูมิทัศน์โดยรวม

Thairath Money รวมแนวนโยบายเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลสำคัญ ๆ ที่อาจส่งผลถึงภาพต่อไปของเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อโลกก้าวสู่ยุค AI นวัตกรรมที่กลายเป็นทั้งความท้าทายและความหวังครั้งใหม่

ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

หลังจากการเข้าร่วมประชุมสุดยอด Global AI Safety ครั้งแรกในสหราชอาณาจักรในปี 2023 รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสในขณะนั้นได้ประกาศคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเกี่ยวกับการกำกับดูแลเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่าง AI เพื่อการใช้งานอย่างมีจริยธรรม กรอบความเป็นตัวและความโปร่งใสของผู้พัฒนา รวมถึงกำหนดแนวทางด้านความปลอดภัยระดับไซเบอร์ระดับชาติ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับกรอบจริยธรรม AI ระดับชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่าเขายกเลิกคำสั่งดังกล่าวสมัยโจ ไบเดน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะขัดขวางการพัฒนาของนวัตกรรมและการแข่งขัน โดยเขาได้เสนอให้ควบคุม AI ให้น้อยที่สุดเพื่อรักษาความโดดเด่นด้านนวัตกรรมของสหรัฐฯ โดยมองว่า AI เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามที่ได้กล่าวว่า “ความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ด้าน AI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความมั่นคงของชาติและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ”

รวมถึงการใช้งาน AI สำหรับการป้องกันประเทศโดยเน้นที่ความมั่นคงของชาติ มีเป้าหมายเพิ่มเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับการวิจัยให้สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการจัดทำแนวทางลดความเสี่ยง การจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อทดสอบและประเมินโมเดล AI ก่อนที่จะเผยแพร่ การส่งเสริมทักษะงานในภาคเอกชนสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก AI รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนา AI แบบโอเพนซอร์สภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางที่จำกัด

เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors)

สืบเนื่องจากมาตรการภาษี ทรัมป์เตรียมกำหนดภาษีนำเข้าชิปหรือชิ้นส่วนบางประการที่ผลิตในต่างประเทศ และหันมาวางแผนเพิ่มการผลิตในประเทศ พร้อมเสนอแรงจูงใจให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ การผ่อนปรนกฎระเบียบเพื่อเร่งการสร้างโรงงานชิปในประเทศ สนับสนุนความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศเพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานชิปในประเทศและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการควบคุมที่เข้มงวดต่อการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังประเทศที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม

ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

ทรัมป์เน้นสนับสนุนการขยายขีดความสามารถด้านไซเบอร์ของกองทัพเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากต่างประเทศ โดยเน้นไปที่การป้องกันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ แม้จะมีมุมมองให้จำกัดการกำกับดูแลของรัฐบาลกลางในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของภาคเอกชน แต่สนับสนุนความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเทคโนโลยี เพื่อสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ โดยมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในหน่วยงานไซเบอร์ของประเทศเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ รวมถึงเทคโนโลยีทางทหารและให้ความสำคัญกับการใช้ AI Automation เพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ

บล็อกเชน คริปโตเคอเรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล (Blockchain & Digital Asset)

สำหรับอุตสาหกรรมการเงินแห่งอนาคต ทรัมป์มีจุดยืนที่เป็นบวกต่อทั้งคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชนที่แตกต่างกับจุดยืนของรัฐบาลโจ ไบเดนอย่างสิ้นเชิง โดยทรัมป์เรียกตัวเองว่าเป็น “Pro-Crypto Candidate” ที่คัดค้านการกำกับดูแลของรัฐบาลกลางที่เข้มงวด เขาสนับสนุนการควบคุมสกุลเงินดิจิทัลให้น้อยที่สุดเพื่อวางตำแหน่งให้สหรัฐฯ เป็นฮับคริปโตเคอเรนซีและเป็น “มหาอำนาจโลกด้านบิตคอยน์”

ทรัมป์เน้นสร้างแรงจูงใจทางภาษีสำหรับการลงทุนในบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล อีกทั้งยังให้คำมั่นว่าจะเปิดตัว “คลังคริปโตเชิงยุทธศาสตร์แห่งชาติ” หากได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง

ทรัมป์กล่าวว่าหากเขากลับไปที่ทำเนียบขาว เขาจะรับรองว่ารัฐบาลกลางจะไม่ขายบิตคอยน์ที่รัฐบาลถืออยู่ทิ้ง ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ มักจะประมูลบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่ถืออยู่ในคลังของประเทศ เช่น อีเธอเรียมและไลต์คอยน์ ซึ่งการขายออกบางครั้งอาจทำให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลลดลง นอกจากนี้ยังเสนอว่าถึงการจัดตั้งกองทุนสำรองด้วยสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลกลาง รวมถึงการจัดตั้ง “สภาที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านบิตคอยน์และคริปโตฯ” อีกด้วย

นอกจากนี้เขายังมีแนวโน้มที่จะจำกัดกฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ หรือ SEC (Securities and Exchange Commission) ซึ่งใช้แนวทางที่ก้าวร้าวในการกำกับดูแลคริปโตฯ ควบคุมการแข่งขันโดยเสรีของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

ซึ่งทรัมป์เคยกล่าวขณะหาเสียงว่าเขาจะปลด แกรี่ เจนสเลอร์ ประธาน SEC ออกจากตำแหน่ง แม้ว่าประธานาธิบดีจะไม่มีอำนาจในการไล่ประธาน SEC ออก แต่ทรัมป์สามารถแต่งตั้งประธานคนใหม่ขึ้นมาได้ โดยที่เจนสเลอร์จะยังคงเป็นกรรมาธิการในหน่วยงานอิสระ

การเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ ด้วยจุดยืนสนับสนุนคริปโตฯ อย่างเปิดเผยของทรัมป์ สะท้อนคำมั่นสัญญาครั้งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลจนเป็นผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น ทะลุ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำ All Time High เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ที่มาข้อมูล CNBC Bloomberg TechInformed Financial Times 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ