ซีอีโอ ADNOC บริษัทน้ำมันแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) หนึ่งในบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง (Minister of Industry and Advanced Technology) เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งใหญ่ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน
AIQ แผนกเทคโนโลยีของ ADNOC ร่วมด้วย G42 กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ Microsoft ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ที่เรารู้จักกันดี เปิดตัว “ENERGYai” ครั้งแรกของการพัฒนา AI Agent ซอฟต์แวร์ด้านพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการเชิงรุกแบบอัตโนมัติ โดยมีศักยภาพเบื้องต้นในการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ตัดสินใจแบบเรียลไทม์ และขับเคลื่อนการปรับปรุงการดำเนินงานที่สำคัญ ซึ่งจะเตรียมผสานเข้ากับห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของบริษัทหลังจากนี้
Al-Jaber เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ ADNOC ได้จัดสรรเงิน 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำโดยใช้ AI เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ โดยระบุว่าบริษัทลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 1 ล้านตันระหว่างปี 2022 ถึง 2023 หลังจากนำ AI มาใช้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ได้ลงทุนเสริมอยู่ในทุกการดำเนินงานของบริษัท
ทั้งนี้นอกเหนือจากศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลหลายเพตาไบต์ “ENERGYai” สามารถระบุการทำงานที่มีปัญหาได้ล่วงหน้าพร้อมแก้ไขอัตโนมัติ การสร้างแบบจำลองโดยละเอียดของแหล่งกักเก็บใต้ดินโดยอัตโนมัติเพื่อตัดสินใจว่าแหล่งกักเก็บเหล่านี้เหมาะสำหรับการดักจับและจัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือไม่ ตลอดจนการสำรวจแผ่นดินไหวล่วงหน้า ซึ่งเพิ่มความแม่นยำของการคาดการณ์การผลิตได้มากถึง 90% Al-Jaber กล่าว
กลุ่มบริษัทน้ำมันอาทิ Shell, BP และ TotalEnergies รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทการเงินหลากหลายแห่งรวมตัวกันที่มหกรรม ADIPEC งานหารือประจำปีของอุตสาหกรรมพลังงานที่จัดขึ้นโดย ADNOC ณ กรุงอาบูดาบีเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเพื่อหารือถึงวิธีการตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของ AI รวมถึงการสรรหาแนวทางนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนพลังงาน
ทั้งนี้มุมมองต่อเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก AI จะต้องใช้พลังงานมหาศาลทำให้อุตสาหกรรมพลังงานต้องก้าวไปข้างหน้า เขาได้กล่าวถึงการสนับสนุนด้าน Computing Power เพิ่มเติมให้กับบริษัทพลังงานในอนาคตด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ทำให้บริษัทน้ำมันรายใหญ่มีแรงจูงใจสำคัญที่กระตุ้นให้กลุ่มบริษัทเหล่านั้นกลับมาเพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอีกครั้ง โดยเขากล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ได้ให้คำมั่นต่อการใช้พลังงานสีเขียวสำหรับ Data Center เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
“เราต้องการโมเดลที่สามารถรวมพลังงานทุกรูปแบบเข้าด้วยกัน ขณะที่ธุรกิจต้องการพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บพลังงานและแบตเตอรี่ที่จัดเก็บพลังงานหมุนเวียนเหล่านั้นเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานพื้นฐานและในบางสถานที่พลังงานนิวเคลียร์ก็เข้ามีบทบาทสำคัญ” Al-Jaber กล่าว
ยูเออี นับเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกและเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐมาช้านาน โดยล่าสุดเริ่มก้าวสู่สนาม AI ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมพันในเทคโนโลยี AI โดยมุ่งหวังว่าอุตสาหกรรมนี้จะเสริมแกร่งอิทธิพลในเวทีโลกและกลายเป็นผู้มีบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญต่อไปหลังจากความต้องการน้ำมันลดลงจากอดีต ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านระบบนิเวศและโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้กับบิ๊กเทคทั่วโลก
บทความที่เกี่ยวข้อง
ที่มาข้อมูล Financial Times , Reuters
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -