แม้ว่าจะมีกระแสที่พูดถึงฟองสบู่ AI ในช่วงที่ผ่านมาแต่อีกด้านหนึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าในปีนี้บิ๊กเทคต่างมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตนเองเพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การพัฒนาชิปประมวลผลขั้นสูง รวมถึงการสร้างดาต้าเซนเตอร์ของตนเอง อีกทั้งยังได้ทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการด้านพลังงาน ตลอดจนการลงทุนเพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อจ่ายไฟให้กับโครงสร้างเทคโนโลยีเหล่านี้
นักวิเคราะห์จาก Citi ได้คาดการณ์ถึงค่าใช้จ่ายเงินทุนสำหรับเสริมแกร่งขีดความสามารถด้าน AI ของบิ๊กเทคหรือในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์และดาต้าเซนเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลเลอร์ทั้งสี่แห่ง ได้แก่ Amazon, Microsoft, Meta และ Alphabet รวมแล้วจะพุ่งสูงถึง 209 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2023 ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ยังระบุว่าการลงทุนในดาต้าเซนเตอร์คิดเป็นประมาณ 80% ของยอดรวมดังกล่าว โดยค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้รวมอยู่ที่ 60,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 60% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกันในช่วงสัปดาห์ของการเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบรรดาบิ๊กเทคในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นของ Amazon และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่บริษัททั้งสองทำรายได้สูงกว่าที่คาดไว้ โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของหน่วยธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง
ขณะเดียวกัน Meta เปิดเผยถึงการเพิ่มทุนพัฒนาโมเดล AI และโครงการในอนาคตอื่นๆ และ Microsoft ที่หุ้นร่วงลงหลังจากบริษัทเปิดคาดการณ์การเติบโตของรายได้จากคลาวด์ที่เริ่มชะลอตัว
นักลงทุนแสดงความกังวลร่วมกันถึงแรงกดดันต่ออัตรากำไรจากค่าใช้จ่ายด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้นของบรรดาในปี 2025 ต่อเนื่องจากสัญญาณล่าสุดที่ Microsoft ได้ออกมาเตือนว่าการเติบโตของคลาวด์จะลดลงในไตรมาสนี้และไตรมาสหน้า เพราะข้อจำกัดด้านอุปทานหลังบริษัทไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ ซ้ำเติมความผันผวนเดิมที่นักลงทุนต่างจับตาว่าการลงทุนเฉพาะด้าน AI จะคุ้มค่าจริงหรือไม่ และนำไปสู่การเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากหุ้นกลุ่มนี้พุ่งสูงขึ้นรับกระแสเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในรอบสี่ปีช่วงเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้บริหารบิ๊กเทคย้ำเตือนนักลงทุนว่าการเร่งค่าใช้จ่ายของพวกเขาจะยังคงดำเนินต่อไปในปีหน้าและอาจเพิ่มทุนขึ้นอีกเรื่อย ๆ สืบเนื่องจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI ยังคงไม่มีแนวโน้มจะชะลอตัวและเหตุผลที่ว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริการหลักและช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน
ซึ่งพวกเขาอยู่ระหว่างการโน้มน้าวนักลงทุนว่าการลงทุนมหาศาลเหล่านี้จะทำให้ผลตอบแทนของธุรกิจในอนาคตทำกำไรได้มากกว่าปัจจุบันที่รายได้หลัก ๆ มาจากการขายโฆษณาดิจิทัล ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะ Meta และ Amazon ที่ชี้ให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า
บทความที่เกี่ยวข้อง
ที่มาข้อมูล Financial Times , Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -