วิเคราะห์ความเป็นไปได้ Nvidia จะลงทุนทำอะไรในไทย ? เรามีศักยภาพแค่ไหนเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วิเคราะห์ความเป็นไปได้ Nvidia จะลงทุนทำอะไรในไทย ? เรามีศักยภาพแค่ไหนเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

Date Time: 27 ต.ค. 2567 10:35 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • หลังนายเจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ประธานและซีอีโอเสื้อหนังที่เราคุ้นเคยกันดี ประกาศชัดถึงเป้าหมายส่งเสริมระบบนิเวศ AI และระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำไม Nvidia หมายตา “อาเซียน” หมุดหมายต่อไปของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก ผู้ผลิตชิปจากสหรัฐฯ ที่กุมอำนาจอุตสาหกรรม AI ในปัจจุบันจะมาลงทุนอะไรที่ไทย

Latest


รู้จัก Nvidia

“ไทย” สถานีต่อไป Nvidia ความเป็นไปได้ในการลงทุน

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว Bloomberg ถึงแผนการลงทุนในประเทศไทยของ Nvidia ที่เตรียมประกาศแผนการลงทุนในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมระบุเพิ่มเติมถึงการเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ ด้วยตัวเองของ นายเจนเซ่น หวง อีกด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการลงทุนที่ชัดเจนถึงตัวเลขและรายละเอียด

ก่อนหน้านี้ ไทย นับเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เข้าร่วมโครงการ “AI Nations” ของ NVIDIA โดยมีกระทรวงศึกษาธิการและกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำมาร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในด้านการวางผังเมือง สาธารณสุข และยานยนต์ไร้คนขับ

โดยข้อมูล ณ ปัจจุบันระบุว่า ความร่วมมือด้าน AI ของไทยกับ Nvidia เน้นไปที่การส่งเสริมการใช้งาน GPU สำหรับ AI และแอปพลิเคชันซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผ่านการร่วมมือกับรัฐบาล สถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำเพื่อจัดตั้งศูนย์วิจัยด้าน AI - Machine Learning สำหรับพัฒนางานในด้านต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรมอัจฉริยะ ตามเป้าหมายเศรษฐกิจดิจิทัล

แล้ว Nvidia ลงทุนที่ไหนแล้วบ้าง ?

เมื่อพิจารณาถึงวิสัยทัศน์และแผนลงทุนที่ผ่านมาของ Nvidia ในประเทศอื่นๆ จะเน้นไปที่การสร้างความร่วมมือระดับรัฐเพื่อผลักดันการใช้งานเทคโนโลยี เช่น การจัดตั้งศูนย์อบรมสร้างกลุ่มบุคลากรให้มีความสามารถผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมและความร่วมมือกับรัฐบาลและสถาบันการศึกษา การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเพื่อขยายผลการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีในประเทศนั้นๆ รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศที่มีดีมานด์เติบโตสูง ไม่ต่างจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ โดย Thairath Money รวบรวมไว้ดังนี้

สิงคโปร์

  • ที่ผ่านมา Nvidia ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในสิงคโปร์เพื่อทำงานเกี่ยวกับโครงการ AI - Machine Learning - Data Analytics จากการสนับสนุนของรัฐบาลสิงคโปร์ มีการก่อตั้งศูนย์วิจัยพัฒนา "Nvidia AI Technology Centre"โดยร่วมมือกับ National University of Singapore (NUS) และ National Supercomputing Centre (NSCC) โดยมุ่งเน้นที่การวิจัยและพัฒนา AI โดยเฉพาะ Smart Cities, Healthcare และการเคลื่อนที่ในเมือง (Urban mobility)
  • ความเคลื่อนไหวล่าสุด Singtel ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ของสิงคโปร์ ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Nvidia ในการนำผลิตภัณฑ์และโซลูชัน AI มาใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ให้บริการอยู่ทั่วอาเซียน โดยหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ในภูมิภาคเข้าถึงพลังการประมวลผล AI ของ Nvidia โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยตนเอง

มาเลเซีย

  • ที่ผ่านมา Nvidia มุ่งเน้นที่การส่งเสริมการพัฒนา AI และให้การฝึกอบรมแก่นักพัฒนาและธุรกิจในมาเลเซีย ผ่านสถาบัน "Nvidia Deep Learning Institute" สร้างหลักสูตรด้าน AI - Data Science - Machine Learning เพื่อช่วยยกระดับทักษะของบุคลากรในท้องถิ่น รวมถึงความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานกับภาครัฐและบริษัทเทคโนโลยีและผู้ให้บริการในมาเลเซียเพื่อบูรณาการชิป GPU เข้ากับโซลูชันคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชันในภาคการศึกษาและการผลิตของประเทศ
  • เช่น ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัฐมาเลเซียอย่าง Petronas และ YTL กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของ Nvidia ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลของข้อมูลสำหรับภูมิภาค
  • ไม่ว่าจะเป็น Computing Infrastructure และ Data center โดยผู้ให้บริการท้องถิ่นเหล่านี้จะเป็นผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Data และ AI

อินโดนีเซีย

  • Nvidia ประกาศแผนสร้างศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI Centre) มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนบุกเบิกธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมือครั้งแรกกับบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซีย Indosat Ooredoo Hutchison
  • ตามรายงานของ CNBC นาย Budi Arie Setiadi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินโดนีเซีย ระบุว่า ศูนย์แห่งใหม่จะตั้งอยู่ในเมืองสุราการ์ตาในจังหวัดชวาตอนกลาง โดยศูนย์แห่งนี้จะช่วยเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในท้องถิ่น รวมถึงการผลักดันเรื่อง Digital Talent

เวียดนาม

  • Nvidia เคยประกาศความร่วมมือกับ Viettel ซึ่งเป็นนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศ พร้อมด้วย Academy for Science & Technology ของเวียดนามรวมถึงมหาวิทยาลัยในเวียดนามเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา AI เพื่อยกระดับทักษะของแรงงานและเร่งการนำบริการ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมภาคส่วนสำคัญ เช่น เกษตรกรรม การผลิต การดูแลสุขภาพ และ Smart Cities
  • เวียดนามได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านเซมิคอนดักเตอร์ หลังรัฐบาลประกาศแผนสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าว ทั้งการเปิดรับการลงทุนที่ดึงดูดผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง TSMC เข้ามาจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศ มากไปกว่านั้น คือ เป้าหมายฝึกอบรมวิศวกรที่มีคุณภาพสูง 50,000 คนภายในปี 2030 เพื่อการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์โดยเฉพาะ
  • โดยหลังจากการเยือนเวียดนามของนายเจนเซ่น หวงครั้งแรก Nvidia ประกาศแผนลงทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเวียดนามโดยร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ มุ่งเน้นไปที่การปรับใช้เทคโนโลยี AI ในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงบริการคลาวด์ ยานยนต์ และการดูแลสุขภาพ
  • พร้อมเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีอยู่กับเวียดนาม โดยอ้างถึงลูกค้าในท้องถิ่นและพาร์ทเนอร์ธุรกิจชั้นนำหลายล้านราย เช่น Viettel, FPT, Vingroup และ VNG ที่จะเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญต่อไปในอนาคตในการใช้เทคโนโลยีของ Nvidia

สำหรับในภูมิภาคอาเซียนจะเห็นว่า Nvidia ต่อยอดความร่วมมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจและการปูทางงานวิจัยและพัฒนาในการศึกษาความเป็นไปได้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในภาคส่วนต่างๆ มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง สู่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีเพื่อใช้งานจริงในยุค AI ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ ชิป สถานที่ให้พลังงาน ระบบการจัดการเพื่อการประมวลของข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อน หรือที่ในปัจจุบันมักจะเรียกว่า “AI infrastructure” นั่นเอง

แน่นอนว่าการดำเนินงานของโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่สามารถรองรับการประมวลผลมหาศาล และหนึ่งในนั้นก็คือ ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของ Nvidia...

ทำไมอาเซียนเป็นโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจ Nvidia

ในช่วงที่ผ่านมา “เทคโนโลยี” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์เกี่ยวเนื่องไปถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบหนัก ตั้งแต่ยุคของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ถึงยุคของรัฐบาลภายใต้การบริหารของโจ ไบเดน จากกฎระเบียบควบคุมการส่งออกและหลากหลายมาตรการในการจำกัดการค้าร่วมกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน (รวมถึงฮ่องกงและมาเก๊า)

กล่าวคือ ข้อกำหนดเงื่อนไขการออกใบอนุญาตสำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะส่งออก ทำให้ Nvidia ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าคงคลัง (เช่น Nvidia A100 และ H100, DGX) ไปยังจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดลูกค้าที่เป็นตลาดหลัก แม้ว่า Nvidia จะหาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดการออกใบอนุญาตได้ แต่ก็ถูกกดดันด้วยเงื่อนไขเวลาในกระบวนการการผลิตและส่งมอบ

มาตรการแบนชิปของรัฐบาลไบเดน ย่อมเป็นปมที่ทำให้ Nvidia เดือดร้อน

Nvidia ระบุว่า การควบคุมการส่งออกที่มากเกินไปส่งผลเสียต่อรายได้ธุรกิจ ความเสี่ยงในการลงทุนผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงของสหรัฐฯ เนื่องจากเมื่อถึงเวลาที่ชิปรุ่นใหม่พร้อมออกสู่ตลาด ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจต้องอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออก

ในขณะเดียวกัน การควบคุมดังกล่าวอาจทำให้การลงทุนในคู่แข่งต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและแย่งตำแหน่งในตลาด รวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการจากลูกค้า ไม่เพียงแต่ในจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดอื่นๆ เช่น ยุโรป ละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบใหม่ที่กำหนดนิยามเข้มงวดยิ่งขึ้น อาจเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อใดก็ได้ ทำให้ Nvidia พยายามสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน โดยการหันหัวเรือไปยังภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงการเพิ่มพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่อยู่นอกเหนือข้อกำหนด เช่น ผลิตภัณฑ์และโซลูชันเพื่อกลุ่ม Data Center

“อาเซียน” เริ่มกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของ Nvidia ที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา หลังจากผลประกอบการที่พิสูจน์ให้เห็นถึงรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าและบริการไปสู่พื้นที่อื่นๆ ในไตรมาสล่าสุดสิ้นสุด ณ เดือนกรกฎาคม 2024 อยู่ที่ 5.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของรายได้นอกสหรัฐฯ ซึ่งสามารถทำรายได้มากกว่าจีน สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์และอุปทานที่มีศักยภาพเติบโตสูงในภูมิภาคนี้

จากเอกสาร ระบุว่า กลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของ Nvidia โดยตรง ได้แก่ ผู้ผลิตวงจร ผู้จัดจำหน่าย ผู้ผลิตอุปกรณ์แบบดั้งเดิม หรือ Original Device Manufacturers (ODM) และ Original Equipment Manufacturers (OEM) รวมถึงกลุ่มลูกค้าทางอ้อม ได้แก่ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ บริษัทอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริโภค องค์กร และหน่วยงานภาครัฐ

ที่มั่นบิ๊กเทคระดับโลก Data Center - Cloud - AI

Nikkei Asia รายงานว่า การเดินทางพบปะพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญในมาเลเซียและสิงคโปร์ของนายเจนเซ่น หวง เมื่อปีที่แล้ว เขาได้เปิดเผยถึงมุมมองและความเชื่อมั่นที่มีต่อภูมิภาคอาเซียนว่ามีศักยภาพสูงในฐานะตลาดของ AI และชิป

“ผมมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าเทคโนโลยีสำคัญๆ จำนวนมากจะถูกผลิตในภูมิภาคนี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเป็นเลิศในด้านการประกอบชิ้นส่วน การบรรจุภัณฑ์ การออกแบบระบบ การผลิตแบตเตอรี่ และมีความยอดเยี่ยมในด้านต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี เซมิคอนดักเตอร์ ดาต้าเซนเตอร์ การออกแบบและให้บริการซอฟต์แวร์จะกลายเป็นพื้นที่สำคัญในภูมิภาคนี้” เจนเซ่น หวง กล่าว 

กอปรกับช่วงที่ผ่านมา เรียกได้ว่า อาเซียน กำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองแห่งเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบเลยก็ว่าได้ หลังบรรดาบิ๊กเทคต่างตบเท้าเข้ามาเยี่ยมเยือน พร้อมประกาศแผนการลงทุนมหาศาลเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ Data Center รองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัล และความต้องการใช้งานเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ "ไทย" ที่ได้กลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามเราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าการเดินทางเยือนกรุงเทพฯ ของนายเจนเซ่น หวงในเดือนธันวาคมนี้ จะนำพาเม็ดเงินหรือโอกาสอะไรให้กับประเทศไทย 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ที่มาข้อมูล Nvidia , CNBC [1] , Nikkei Asia Reuters 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ