เปิดขายกันไปแล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ของ Apple ซึ่งรวมไปถึง iPhone 16 ที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในงานแถลง “It’s Glowtime” ของ Apple เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2024 ที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศพรีออเดอร์ในวันที่ 13 กันยายน และวางจำหน่ายสินค้าซีรีส์ใหม่นี้ในวันที่ 20 กันยายน
อย่างไรก็ตาม iPhone 16 ในช่วงแรกของการเปิดตัวเสียงตอบรับที่ได้มาไม่ค่อยดีนักหากเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ที่เปิดตัวมาในปีก่อนหน้านี้ โดยคาดว่ายอดขายของ iPhone 16 จะร่วงลง 12.7% เมื่อเทียบกับยอดขาย iPhone 15 ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดจอง
สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด iPhone คือยูนิตที่ทำรายได้ให้กับ Apple มากที่สุด นับตั้งแต่สตีฟ จอบส์ ออกมาเปิดตัวรุ่นแรกในวันที่ 29 มิถุนายน ปี 2007 สมาร์ตโฟนอย่าง iPhone ก็เริ่มทำรายได้ให้กับ Apple ก่อนจะมีโมเดลอื่น ๆ ออกตามมา และกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมของตลาดโทรศัพท์มือถือไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่า Apple จะมีผลิตภัณฑ์อีกหลายอย่างออกมาต่อเนื่อง ทั้ง Apple Watch, AirPods ไปจนถึงงานบริการสำหรับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple แต่ iPhone ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้ให้กับบริษัทมากที่สุด ในปี 2023 รายได้ทั้งหมดของ Apple อยู่ที่ 383,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นรายได้จาก iPhone ที่ 52% ของรายได้ทั้งหมด
และหากนับตั้งแต่เปิดตัวมาถึงปัจจุบัน iPhone ทำรายได้ได้ดังนี้
ยอดขายของ iPhone เติบโตมาเรื่อย ๆ ยอดพุ่งทะยานในปี 2015 และหลังจากนั้นเริ่มซบเซาลง และกลับมาเป็นขาขึ้นในอีกครั้งในปี 2021 หลังเปิดตัว iPhone 12 ในช่วงปลายปี 2020 และเปิดตัว iPhone 13 ต่อในช่วงปลายปี 2021 ซึ่งซีรีส์ iPhone 12, 13, 14 และ 15 กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำตลาดได้ดีจนยอดขายพุ่งถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม iPhone 16 ยังคงต้องลุ้นรายได้กันต่อว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้กับ Apple ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 หรือไม่ โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงช่วงสิ้นไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ยอดขาย iPhone ทั้งหมดอยู่ที่ 154,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ เรื่องของความพรีเมียม ของทั้งดีไซน์ และความเป็นของแบรนด์ Apple เอง ที่ถูกเซ็ตภาพว่าเป็นแบรนด์ที่ส่งมอบสินค้าผ่านความโมเดิร์น พร้อมกับสร้าง Ecosystem ที่ตอบรับกับความต้องการของผู้ใช้งานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
โดยผู้ที่ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Apple จะสามารถเชื่อมต่อการใช้งานระหว่าง iPhone, MacBook, iPad ไปจนถึง AirPods ซึ่งช่วยเสริมประสบการณ์ใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้ ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นให้คนหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple แบบครบวงจร
นอกจากผลิตภัณฑ์แล้ว Apple ยังมีบริการหรือ Service ที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น iMessage, FaceTime, iCloud, App Store เป็นต้น ที่จะเชื่อมต่อบริการถึงกันได้ และจะมีฟีเจอร์พิเศษ ๆ มานำเสนออยู่ต่อเนื่อง ให้ผู้ใช้ใช้งานอย่างไร้รอยต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น อีกเรื่องที่ทำให้ผู้ใช้ยังคงซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ คือ เรื่องของ Privacy ที่ออกแบบการทำงานให้มีความปลอดภัยไปพร้อม ๆ กับการใช้งานที่ง่ายไม่ยุ่งยาก อย่าง Face ID และจะมีการสอบถามเพื่อยืนยันด้านข้อมูลเสมอนั่นเอง
ที่มา: Business of Apps, Digitaltrends, CNBC, Time
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney