หุ้นของ PDD Holdings ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีน เจ้าของ Temu และ Pinduoduo ร่วง 30% เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมาในตลาดนิวยอร์ก หลังประกาศยอดขายแล้วพบว่า ยอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังมีการประท้วงของพ่อค้า-แม่ค้าในประเทศจีนต่อเนื่อง จากปัญหาที่ร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Temu ถูกปรับจากบริการหลังการขายที่ไม่ตรงตามนโยบายของแอปฯ และเกิดปัญหาไม่สามารถถอนเงินจากแอปฯ ได้
ยอดขายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ของ PDD โตขึ้น 86% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมียอดอยู่ที่ 13,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่า LSEG คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 14,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่รายได้สุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 4,492 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตขึ้นมา 144% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม PDD ได้แจ้งต่อนักลงทุนว่า “รายได้ที่โตขึ้นในปัจจุบันยังไม่ยั่งยืน และมีความเป็นไปได้ว่า ผลกำไร จะลดลงในอนาคต เนื่องจากบริษัทกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงในตลาด จากคู่แข่ง และจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ”
ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนในจีน ส่งผลให้หลายบริษัทใหญ่ ทั้ง Tencent Holdings, JD.com และ Alibaba Group Holding ทำการซื้อหุ้นคืน (Share Repurchase) จากนักลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น
แต่ในฝั่งของ PDD ยังไม่มีแผนที่จะทำการซื้อหุ้นคืนในอนาคต แต่จะมุ่งไปที่ “การจัดการกับร้านค้าที่มีสินค้าคุณภาพต่ำ” และ “ซัพพอร์ตร้านค้าที่มีสินค้าคุณภาพดี” ด้วยการลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
เหตุประท้วงที่เกิดขึ้นกับ Temu ในประเทศจีนก็ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการรวมกลุ่มร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 100 เจ้า เพื่อเรียกร้องให้ Temu คืนเงินค่าปรับ และเปิดแพลตฟอร์มให้ร้านค้าถอนเงินที่ขายสินค้าออกมาได้ หลังถูกยับยั้งบัญชีมานาน
นอกจากแรงกดดันที่เกิดขึ้นในจีนแล้ว ยอดขายของ Temu ในตลาดสหรัฐอเมริกาในปีที่ผ่านมาก็ลดลงเช่นกัน โดยมีแรงกดดันจากความรัดกุมในด้านกฎหมายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้ง Temu และ Shein ต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งคู่ในตลาดต่างประเทศที่เริ่มจะผลักดันสินค้าจีนออกไป
มูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์ของ Temu ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นยอดขายที่ได้จากสหรัฐอเมริกามากถึง 45%
และจากการที่หุ้น PDD ร่วงลงมาในครั้งนี้ ยังส่งผลให้ความมั่งคั่งของ คอลิน หวง อดีตซีอีโอของ PDD Holdings ร่วงลงกว่า 14,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตกจากอันดับ 1 ไปเป็นมหาเศรษฐีลำดับที่ 4 ของจีนในระยะเวลาเพียง 18 วัน และคืนตำแหน่งอันดับที่ 1 ให้กับ Zhong Shanshan เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรธุรกิจขวดพลาสติกตามเดิม
ที่มา: Nikkei Asia, Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney