การเทขายหุ้นเป็นวงกว้างครั้งล่าสุดนี้ ทุบมูลค่าตลาดของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงสุด 7 อันดับแรกของสหรัฐฯ (Amazon, Apple, Alphabet, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla) ไปกว่า 9.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ตลาดร่วงลงเมื่อวันจันทร์ ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมๆ แล้วหายไป 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม
นำโดย Nvidia (NVDA) ร่วง 6.4% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของผู้ผลิตชิปลดลงราว 1.68 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ Nvidia ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเป็นพิเศษกว่าใครเพื่อน เพราะ บริษัทเพิ่งชี้แจงการส่งมอบชิป Blackwell รุ่นใหม่ที่ล่าช้าออกไปสามเดือนหรือมากกว่านั้น หลังพบข้อบกพร่องด้านการออกแบบซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันเบื้องหลังความล่าช้า
Apple (AAPL) ร่วง 4.8% มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงมากกว่า 1.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซ้ำเติมความกดดันจากนักลงทุน หลังหุ้นตกลงไปเกือบ 8% ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันหลังจากที่ Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ประกาศลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลงเกือบ 50% ในไตรมาสที่สอง Berkshire ต่อเนื่องจาก 13% ในไตรมาสก่อนหน้า
Alphabet (GOOGL) ร่วง 4.5% มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงมากกว่า 3.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังคำตัดสินของผู้พิพากษารัฐบาลกลางระบุว่า Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ สำหรับ Google Search พร้อมด้วยความกดดันเรื่องค่าใช้จ่ายด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้นในไตรมาสนี้
ต่อเนื่อง Amazon (AMZN) ร่วง 4.1% มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงประมาณ 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทรับผลกระทบเพิ่มหลังการประกาศงบไตรมาสล่าสุดที่ต่ำกว่าคาดการณ์หากเทียบกับบิ๊กเทคเจ้าอื่น รวมถึง หุ้น Tesla (TSLA) ร่วง 4.2% Microsoft (MSFT) ร่วง 3.3% ด้าน Meta (META) ร่วง 2.5% ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในบรรดา 7 หุ้น สืบเนื่องจากบริษัทได้รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดทั้งรายได้และกำไรที่ดีเกินคาด
แม้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นบิ๊กเทคจะกลายเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายกันในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทว่านักลงทุนต่างวิเคราะห์ว่ากระแสของ AI ที่ทำให้ความคึกคักในภาคเทคโนโลยีกลับมานั้นนับเป็นหนึ่งในของภาวะฟองสบู่ ไม่ต่างจากนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาและกลายเป็นที่ต้องการของตลาดและนำไปสู่อุปสงค์และอุปทานที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตลาดเริ่มแสดงความกังวลถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI ที่อาจเดินตามรอยวิกฤติเศรษฐกิจอย่างในอดีต
การเทขายหุ้นครั้งนี้ตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการคาดการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อตลาดอยู่ในภาวะตกต่ำเนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น Amazon, Intel, Microsoft และ Nvidia ต่างก็เผชิญกับการร่วงลงอย่างรุนแรง เพราะ การพึ่งพาการใช้จ่ายจากบริษัทเทคโนโลยีที่เสียค่าใช้จ่ายสูง สวนทางกับตัวเลขผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง CNBC, Financial Times, Investopedia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney