Microsoft ชี้แจงถึงเหตุการณ์การหยุดให้บริการของแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้ง Azure และ Microsoft 365 ที่เกิดขึ้นซึ่งกินเวลานานเกือบ 10 ชั่วโมง และทำให้องค์กรและผู้ให้บริการหลายธุรกิจที่พึ่งพาแพลตฟอร์มของ Microsoft ในหลายพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน
ปัญหา Global Outage ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งยังเกิดขึ้นภายในไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ CrowdStrike ล่ม ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบ Windows ของ Microsoft ประมาณ 8.5 ล้านเครื่องทั่วโลกไม่สามารถใช้งานต่อได้
ทั้งนี้ Microsoft ชี้แจงถึงสาเหตุที่ระบบคลาวด์ขัดข้องทั่วโลกเกิดจากการโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) บน Azure Front Door (AFD) และ Azure Content Delivery Network (CDN) โดยการตรวจสอบเบื้องต้นบ่งชี้ว่าบริษัทล้มเหลวในการดำเนินการป้องกัน แม้ว่ากลไกการป้องกัน DDoS จะทำงาน
โดยเว็บไซต์ Microsoft Azure ระบุว่า ในช่วงสิบโมงเช้าวันอังคาร (30 ก.ค.) ตามเวลาในนิวยอร์กหรือราวหนึ่งทุ่มในประเทศไทย ลูกค้าบางส่วนประสบปัญหาในการเชื่อมต่อบริการของ Microsoft ทั่วโลก ได้แก่ Azure App Services, Application Insights, Azure IoT Central, Azure Log Search Alerts, Azure Policy รวมถึง Azure Portal และฟีเจอร์บางอย่างของ Microsoft 365 เช่น Outlook, Word และ Excel
ในช่วงพีกของเหตุการณ์ได้รับแจ้งถึงเหตุขัดข้องหลายร้อยครั้งท่ามกลางผู้ใช้สหรัฐฯ และผู้ใช้หลายพันคนรายงานปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ การเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์และแอปต่างๆ ตั้งแต่ Microsoft Azure และ 365 ไปจนถึงเกมอย่าง Minecraft ซึ่งใช้บัญชี Microsoft ในการเข้าสู่ระบบ
นอกจากนี้ยังพบว่า Starbucks ต้องรับมือกับระบบ Mobile Ordering ที่หยุดชะงัก หน้าเว็บเพจของสถาบันการเงินบางแห่งไม่สามารถให้บริการได้ ด้าน Downdetector ระบุ ผู้ใช้มากกว่า 1,800 ราย รายงานปัญหาเกี่ยวกับ Minecraft ผู้ใช้อีก 1,500 ราย รายงานปัญหาเกี่ยวกับ Microsoft Azure และอีก 800 ราย รายงานปัญหาเกี่ยวกับ Microsoft 365
อย่างไรก็ตาม Microsoft เข้าควบคุมและดำเนินการกู้เครือข่ายให้ลูกค้าในภูมิภาคต่างๆ ทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชียแปซิฟิกให้ทยอยกลับมาทำงานได้ตามลำดับ โดยอัตราความล้มเหลวกลับมาอยู่ที่ระดับก่อนเกิดเหตุภายในช่วงเวลาประมาณสองทุ่มตามเวลาในนิวยอร์กหรือราวตีสามของวันพุธที่ 31 ก.ค.
ด้าน Microsoft ประเทศไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการในไทยจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามบริษัทเข้าดำเนินการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
สำหรับผลประกอบการไตรมาสสี่ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 Microsoft มีรายรับโดยรวมอยู่ที่ 6.74 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15% รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.79 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้น 11% อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านเหรียญ กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.95 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%
โดยรายได้หลักยังคงมาจากหน่วยธุรกิจคลาวด์ ซึ่งเป็นส่วนที่ขับเคลื่อนผลกำไรของ Microsoft ต่อเนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไตรมาสนี้แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์และบริการคลาวด์ Azure ที่ 3.68 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบรายปี
จากเหตุการณ์ดังกล่าวนับว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีระบบที่สร้างผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลก ส่งผลให้บรรดานักลงทุนเกิดความปั่นป่วน หุ้นของ Microsoft ร่วงลงมากกว่า 6% ในการซื้อขายก่อนปิดที่ราคา 422.9 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.7%
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney