แท้จริงแล้ว CapCut แอปพลิเคชันตัดต่อวิดีโอยอดนิยมที่หลายคนใช้ เป็นของ ByteDance บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จีน ที่เราคุ้นเคยในฐานะบริษัทแม่ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งแบนอยู่นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไม่แปลกที่ CapCut จะกลายเป็นแอปฯ ใหม่ที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด และอาจถูกนับเป็นหนึ่งในภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติรวมกับ TikTok นอกจากนี้ หากถามว่าทำไมหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ถึงมอง CapCut เป็นภัย ยังมีปัจจัยหลักจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะครีเอเตอร์และผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ ที่นิยมใช้ CapCut ในการตัดต่อวิดีโอ
CapCut เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 ในรูปแบบแอปพลิเคชันบนมือถือด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย มีเอฟเฟกต์ให้ใช้งานหลากหลาย และใช้งานได้จริงมากกว่าหลายแอปฯ ในท้องตลาด นอกจากนี้ แอปฯ ยังมีเทมเพลตที่ช่วยให้ผู้ใช้แมตช์ฟุตเทจวิดีโอ และส่งออกเนื้อหาที่เสร็จสมบูรณ์ไปยัง TikTok ได้ทันทีอีกด้วย
ข้อมูลจาก Sensor Tower ระบุว่าในปีนี้ยอดผู้ใช้งาน CapCut บนมือถือ มีสัดส่วนกว่า 80% และมีผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 300 ล้านคน เติบโตเป็นอันดับหนึ่งทิ้งห่างแอปอื่นๆ Canva, InShot, Adobe Express และ Adobe Premiere Rush ที่มีผู้ใช้งานเพียง 2 ล้านคนเท่านั้น โดย Sensor Tower ยังได้ประมาณการว่า CapCut จะสามารถทำรายได้จากการใช้งานบนมือถือถึง 125 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ด้านนักลงทุนแสดงความเห็นที่มีต่อตลาดผู้ใช้งานว่า ผู้ใช้อาจละทิ้งโปรแกรมตัดต่อที่มีความซับซ้อนในการใช้งาน ซึ่งอาจจะจำกัดสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์เท่านั้น แม้จะมีเครื่องมือหรือองค์ประกอบสำหรับการผลิตผลงานสำหรับงานวิดีโอขั้นสูงมากกว่า แต่ผู้ใช้อาจหันไปใช้งานโปรแกรมที่ใช้ง่ายกว่า โดย CapCut เป็นตัวเลือกที่นักตัดต่อวิดีโอเลือกใช้
นอกจากนี้ CapCut ยังมีแผนขยายเป้าหมายไปสู่ผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากขึ้น โดยเปิดตัว CapCut Desktop Version ทั้งในระบบปฏิบัติ Windows และ Mac พร้อแพ็กเกจโปรสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในราคา 9.99 ดอลลาร์ หรือราว 360 บาทต่อเดือน
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นและการขยายขอบเขตในการใช้งานของ CapCut อาจสร้างความกังวลให้กับ Adobe ในฐานะผู้พัฒนา Premiere Pro และ After Effects สืบเนื่องจากที่ Adobe ก็กำลังพัฒนา Premiere เวอร์ชันที่เล็กลงสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่สามารถรันบนเว็บเบราว์เซอร์ และยังดึงดูดใจด้วยฟีเจอร์ GenAI ความพยายามในการพัฒนาโปรแกรมตัดต่อวิดีโอแบบครบวงจรบนมือถืออาจต้องหยุดชะงักลง เนื่องจาก CapCut เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้ว่าทีมพัฒนา CapCut จะแยกจาก TikTok แต่พนักงานในสหรัฐฯ ใช้พื้นที่สำนักงานร่วมกันในลอสแอนเจลิส อย่างไรก็ตาม การแบน CapCut ร่วมกับ TikTok เพิ่ม อาจส่งผลกระทบต่อเหล่าครีเอเตอร์ และปิดทางเลือกสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำวิดีโอ รวมไปถึงยังเป็นการจำกัดช่องทางในการสร้างรายได้ของหลายธุรกิจมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อในชั้นกฎหมาย
อ้างอิง Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney