SHARP ทวงพื้นที่ “เจ้านวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า” ปักหลัก ไทย ฐานผลิตสำคัญ ส่งออกทั่วโลก

SHARP Corporation จัดงานใหญ่ระดับภูมิภาค "SHARP Sync-Up 2024" ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเวลา 112 ปี รวมผู้บริหารและพาร์ตเนอร์ธุรกิจจากทั่วภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก ประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจ ตอกย้ำเป้าหมาย 'การเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟไฟ้า No.1 ของอาเซียน' พร้อมขนทัพนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจมาโชว์ในประเทศไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ  

นายมาซาฮิโระ โอคิทซึ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชาร์ป ไทย จำกัด ร่วมกล่าวเปิดงาน ประกาศเป้าหมายรายได้โตเป็นสองเท่าภายในปี 2570 พร้อมทำให้แบรนด์ SHARP ขึ้นแท่นเครื่องใช้ไฟฟ้า No.1 ของในแต่ละประเทศภูมิภาคอาเซียน ต่อเนื่องถึงการเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของเอเชียในการตีตลาดโลก

ต่อเนื่องด้วย นายโทโมกิ ทามุระ รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศและผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจไฟฟ้าและโซลูชันอัจฉริยะ ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น แถลงกลยุทธ์เสริมแกร่งธุรกิจในอาเซียน พร้อมด้วยการไลน์อัปผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ของปี 2024 ที่จะตอบโจทย์วิถีชีวิตและการทำงานรูปแบบใหม่ของผู้บริโภคยุดใหม่รวมถึงภาคธุรกิจ B2B ในอาเซียน 

"อาเซียน คือ ตลาดสำคัญที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน SHARP ได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของอาเซียนในกลุ่มตู้เย็นและไมโครเวฟ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความไว้วางใจของผู้บริโภคในความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม"     

SHARP ดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของบริษัท ตั้งแต่นวัตกรรมดินสอกด "Ever-Sharp" ไปจนถึงเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์หน้าจอ LCD เครื่องแรกของโลก SHARP ยังคงขับเคลื่อนการพัฒนาโดยใช้แนวความคิดริเริ่ม (Originally) และจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้งที่เต็มเปี่ยมไปด้วย "ความจริงใจและความคิดสร้างสรรค์" และยังคงเดินหน้าปฏิวัติโลกใบนี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งภายใต้วิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่ว่า "โลกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเทคโนโลยี" 

ไทย คือ ฮับของ SHARP ที่ผลิตและกระจายสินค้าไปทั่วโลก

ไทย คือ จุดยุทธศาสตร์หลักในการผลิตและสร้างรายได้ให้กับ SHARP

นายโทโมกิ กล่าวว่า  SHARP Corporation เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยมายาวนานตั้งแต่ปี 1987 เพื่อใช้เป็นฐานผลิตและส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไปยังหลายภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป อาเซียน รวมถึงญี่ปุ่น อาทิ ไมโคฟเวฟ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอากาศกลุ่มพรีเมียม รวมถึงตู้เย็นทุกขนาดและทุกรูปแบบ ซึ่งจะแตกต่างกับฐานผลิตในประเทศอื่นๆ ที่จัดตั้งเพื่อผลิตและจำหน่ายภายในประเทศนั้นๆ โดยล่าสุดก็ได้มีการย้ายฐานผลิตตู้เย็นจากญี่ปุ่นมายังไทย ทำให้ปัจจุบันมีโรงงานผลิตตู้เย็นถึง 2 แห่งในประเทศไทย 

สิ่งที่ทำให้ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำอย่าง SHARP มั่นใจในประเทศไทยและเลือกให้ไทยเป็น Key Factory คือ ข้อได้เปรียบเรื่องภาษีศุลกากร กล่าว คือ ประเทศไทยสร้างความร่วมมือทางการค้ากับหลายประเทศคู่ค้าที่เป็นฐานลูกค้าสสำคัญของ SHARP ทำให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่ผลิตจากประเทศไทยถูกเรียกเก็บในอัตราที่น้อยกว่าการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ ยกตัวอย่าง สินค้าที่ผลิตโดยพาร์ตเนอร์ในจีนจะถูกเรียกเก็บภาษีที่มากกว่า นายโทโมกิ กล่าว

โดยตลอดระยะเวลาสามสิบกว่าปี SHARP ปรับปรุงและพัฒนาฐานผลิตในประเทศไทยตลอดเวลา ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาการขยายโรงงานเพิ่มเติมในประเทศไทยอย่างแน่นอนในอนาคต  

ภายในงาน SHARP นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับเทรนด์ไลฟ์สไตล์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการหลากหลาย ตลอดจนการตอบรับเทรนด์ด้านความยั่งยืน ผ่านการจัดแสดงกลุ่มผลิตภัณฑ์ใน 5 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Home (เทคโนโลยีการทำความสะอาด โซลูชันอากาศบริสุทธิ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว) เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ (New Energy Concept) ผลิตภัณฑ์ความบันเทิงอัจจริยะ (Smart Entertainment) นวัตกรรมสำหรับสมาร์ทไลฟ์สไตล์ (Smart Lifestyle) และโซลูชันสำหรับสมาร์ทออฟฟิศ (Smart Office) 

SHARP เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรกในปี 1930 โดยเข้าร่วมดำเนินกิจการกับ บริษัท ห้างเทพนครพาณิชย์ จำกัด ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท ชาร์ป เทพนคร จำกัด’ ที่ดูแลกลุ่มสินค้าภาพและเสียงและสินค้าประเภทเครื่องใช้สำนักงาน ต่อเนื่องด้วย ‘บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด’ ที่เข้ามาดูแลด้านการตลาดและจัดจำหน่ายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน โดยมีบริษัท เฟดเดอรัล อีเลคตริค จำกัด เป็นบริษัทในเครือ ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชาร์ปเพื่อจำหน่ายในประเทศ ภายใต้การควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน การสนับสนุนทางด้านวิศวกรรมการผลิต และเทคโนโลยีต่างๆ จากบริษัท ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น  

ต่อมาในปี 2007 SHARP ในประเทศไทย ประกาศรวมกิจการ จัดตั้ง 'บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด' ผ่านการร่วมทุนทางธุรกิจ 3 ฝ่ายระหว่าง ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้น 50% ชาร์ป เทพนคร และ ชาร์ป กรุงไทยการไฟฟ้าถือหุ้นบริษัทละ 25% เพื่อการทำงานเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้นในประเทศไทย 

บทความที่เกี่ยวข้อง 

• เปิดที่มาแคมเปญ ‘ทนมือทนเท้า’ เมื่อ SHARP แบรนด์พัดลมสุดเก๋า ก้าวออกจาก Comfort Zone

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney