Galaxy AI vs Apple Intelligence จับตากลยุทธ์ Samsung ที่ทำมาเพื่อเฉือนเนื้อ Apple

ในครั้งนี้ “ปรมาจารย์แห่ง Galaxy” TM Roh ประธานและหัวหน้าฝ่ายมือถือของ Samsung นำทัพเปิดตัวกองทัพสมาร์ทโฟน Galaxy Z ซีรีส์ใหม่ล่าสุด Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6  อุปกรณ์อื่นๆ อย่าง Galaxy Buds3 และ Galaxy Buds3 Pro รวมถึง Samsung Galaxy Ring แหวนอัจฉริยะสุดล้ำ พร้อมด้วยการอัปเดตศักยภาพล่าสุดของ Galaxy AI ที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งอื่นๆ ที่เคยมีมา เพราะในครั้งนี้เขาใช้เวทีในการแสดงวิสัยทัศน์ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ประกาศเป้าหมาย “Humanlike AI” การพัฒนา AI ในระยะยาวที่ยกให้มนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางในแบบฉบับของ Samsung  

บทความนี้ชวนเทียบวิสัยทัศน์ด้าน AI ของสองค่ายใหญ่สมาร์ทโฟน Apple และ Samsung แบบหมัดต่อหมัด เมื่อการแข่งขันผลิตสมาร์ทโฟนแบบเดิมๆ อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป

นับตั้งแต่ต้นปี Samsung ทยอยเปิดตัว Galaxy AI บนอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ แม้ว่าความพร้อมใช้งานของฟีเจอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสามารถของฮาร์ดแวร์ และจากนั้นก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนที่กลายเป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่กดดันให้ Apple เร่งเครื่องอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตกขบวน 

ข้อมูลจาก Counterpoint และ Hana Securities ระบุว่า การเปิดตัว Galaxy S24 และ ฟีเจอร์ Galaxy AI  ดันยอดขาย Samsung ให้แซงหน้า Apple กลับมาครองตำแหน่งสูงสุดได้ อยู่ที่ 19.69 ล้านเครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เทียบกับ 17.41 ล้านเครื่องของ Apple ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งโดยมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 20% อีกทั้งยังเพิ่มส่วนแบ่งการขายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ปิดท้ายเดือนด้วยส่วนแบ่ง 36% และ 34% ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั้งหมดตามลำดับ

มากไปกว่านั้น TM Roh ยังได้ประกาศเป้าหมายในการเจาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะที่ผ่านมาส่วนแบ่งการตลาดของ Samsung อยู่ที่ต่ำกว่า 1% เป็นรองจากทั้ง Apple และ ผู้เล่นในท้องถิ่นอย่าง Huawei โดยหวังว่าการพัฒนาความสามารถของ Galaxy AI สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะจะช่วงดึงดูดผู้ใช้ชาวจีนให้สนใจผลิตภัณฑ์ของ Samsung มากยิ่งขึ้น 

เขายังเปิดเผยอีกว่า Samsung ได้ร่วมมือกับ Baidu นำแชตบอต Ernie ผสานเข้ากับสมาร์ทโฟน Galaxy S24 เพื่อวางขายสมาร์ทโฟนในจีน เพราะ บริษัทต่างชาติที่ต้องการเปิดตัวฟีเจอร์ AI ในจีนจำเป็นต้องร่วมมือกับบริษัทในท้องถิ่นตามกฎระเบียบที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม Samsung ยืนยันว่าตนยังมุ่งอุปกรณ์ระดับพรีเมียมในตลาดจีน แม้จะเป็นตลาดที่ท้าทาย ขณะที่ Apple ในฐานะผู้ผลิตสหรัฐฯ การหาพันธมิตรในประเทศจีนอาจเป็นสิ่งที่ยากกว่า

Apple Intelligence ความฉลาดแบบ Apple 

กลับมาที่ Apple Intelligence เครื่องมือใหม่ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งบนระบบปฏิบัติการของ Apple เปิดตัวออกมาในเดือนมิถุนายนปีนี้ พร้อมจุดขายที่เน้นในเรื่องการบูรณาการระบบนิเวศของอุปกรณ์ การให้ความสำคัญกับการประมวลผลบนอุปกรณ์ ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ (Privacy) และการปรับแต่งส่วนบุคคลที่เข้าใจบริบท (Personalization) พร้อมฟีเจอร์ผู้ช่วย AI ที่ไม่ได้ต่างกับ Samsung มากนัก อย่างนำเสนอการบันทึกการโทรพร้อมการถอดเสียง การสรุป การตอบกลับอีเมล รวมถึงการปรับแต่งภาพ 

แต่มีท่าไม้ตายเด็ดอย่างการผสาน ChatGPT ของ OpenAI มาเป็นส่วนหนึ่งกับอุปกรณ์เพื่ออัปเกรด Siri ให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ชาญฉลาดมากขึ้น และสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับนักลงทุนได้ในตอนนี้ แม้ว่าจะยังไม่ปล่อยออกให้ใช้งานแต่ Apple มั่นใจว่า Apple Intelligence จะดึงดูดให้ผู้คนซื้ออุปกรณ์ของ Apple เพิ่มขึ้นเพื่ออัปเกรดอุปกรณ์ของตนเอง และมากไปกว่านั้นจะยิ่งเร่ง “วงจรการเปลี่ยนอุปกรณ์” ใหม่เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Samsung หลังเปิดตัว Galaxy AI

บทความที่เกี่ยวข้อง

• ความฉลาดแบบ Apple ไม่ใช้ AI เพื่อโฆษณา แม้ ‘ช้า’ แต่ ‘ใช่’ เบื้องหลังความยิ่งใหญ่เจ้านวัตกรรมโลก
• AI ฟีเวอร์ ทำราคาชิปพุ่ง! นักวิเคราะห์คาด Samsung ไตรมาส 2 กำไรโต 13 เท่า แต่มาจากชิป ไม่ใช่มือถือ 

ยกระดับประสบการณ์ Galaxy AI ให้ครอบคลุมระบบนิเวศของ Galaxy

ด้าน Samsung ที่ผ่านมาในระยะเวลาเพียงครึ่งปี Samsung หงายไพ่เด็ด ทั้งการเปิดตัวซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และนวัตกรรมฮาร์ดแวร์รูปลักษณ์ใหม่ๆ อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟีเจอร์ Galaxy AI ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Gemini ของ Google ที่เปิดตัวในช่วงต้นปีที่มาพร้อมกับ Galaxy S24 Series ทุกรุ่นที่ได้ผสานความสามารถของ Generative AI เข้ามาใช้มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ไปไม่น้อย 

ทั้งนี้ Galaxy AI Hybrid Intelligence แนวคิดเบื้องหลังในการทุ่มเต็มที่ให้กับ Galaxy AI ที่ประกาศก้าวเข้าสู่ยุค AI ของ Samsung โดยการผลักดันความสามารถของสมาร์ทโฟนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตให้สอดรับไปกับพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่พึ่งพาสมาร์ทโฟนเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการทำงานในแต่ละวัน ทำให้ฟีเจอร์โดดเด่นของ Galaxy AI เน้นปรับปรุงการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อปลดล็อก Productivitiy การใช้สมาร์ทโฟนให้ไปอีกขั้น ยกตัวอย่าง

ฟีเจอร์เด่นๆ อย่าง Live Translate ช่วยแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์ที่มี AI Interpreter เสมือนล่ามส่วนตัวช่วยถอดเสียงการสนทนาแบบเรียลไทม์บนอินเทอร์เฟซแบบแยกหน้าจอ ทั้งรูปแบบการสนทนาแบบต่อหน้าหรือขณะโทรศัพท์ ฟีเจอร์ Chat Assist ช่วยสร้างข้อความ ตอบกลับข้อความในแต่ละแพลตฟอร์ม ฟีเจอร์ Transcript Assist ช่วยถอดข้อความจากเสียงที่สามารถตรวจจับเสียงได้ 10 เสียงพร้อมกัน เหมาะกับการบันทึกรายงานการประชุม หรืองานสัมมนา

ฟีเจอร์ AI Generative Wallpaper ช่วยสร้างวอลเปเปอร์ และฟีเจอร์ Photo Assist ลบและเคลื่อนย้ายวัตถุที่ไม่ต้องการ ปรับขนาดและตำแหน่งของวัตถุภายในภาพถ่าย

ผู้ช่วย AI ทั้งสองค่ายที่กำลังรักษาฐานผู้ใช้ของตนเอง 

จะเห็นว่าการก้าวสู่ยุคสมาร์ทโฟน AI ของทั้ง Apple และ Samsung ต่างก็มีฟังก์ชันที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละฟังก์ชันก็มีจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เมื่อการพัฒนาสมาร์ทโฟนแบบเดิมๆ อาจไม่สามารถรักษาฐานผู้ใช้เดิมไว้ได้ การต่อสู้เพื่อความภักดีของผู้ใช้อาจขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการมอบประสบการณ์ AI ที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ใช้งานง่าย และพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้อย่างราบรื่น และสำคัญที่สุด คือ ความคุ้มค่าของราคา 

AI ทำให้การแข่งขันของทั้งสองค่ายสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่คึกคักน่าจับตาอีกตั้ง และแน่นอนว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของทั้งสอง ในฐานะผู้บริโภคท้ายที่สุดแล้วทางเลือกระหว่าง Apple Intelligence และ Galaxy AI อาจขึ้นอยู่กับความต้องการ และความชอบส่วนบุคคล และแน่นอนว่าการแข่งขันย่อมทำให้ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมที่หลากหลายยิ่งขึ้น 

อ้างอิง Bloomberg , WSJ , CNET 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney