ผลสำรวจของ U.S. AI, SAS และ Coleman Parkes Research เผย จีน ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีการใช้งาน GenAI มากที่สุด โดย 83% ของผู้ทำแบบสำรวจชาวจีน ยอมรับใช้งาน GenAI โดยเฉพาะ ChatGPT
การสำรวจได้ทำการสอบถามประชาชนจำนวน 1,600 คน จากหลากหลายอุตสาหกรรม พบว่ามีการใช้งาน GenAI ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดย จีน เป็นอันดับ 1 ที่ประชาชนใช้งาน GenAI อยู่ที่ 83% ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีการใช้งานอยู่ที่ 65% ซึ่งทั้งสองประเทศมีการใช้งานสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 54%
แบบสำรวจได้สอบถามในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้ง ธนาคาร ประกันภัย กลุ่มดูแลสุขภาพ สื่อสารมวลชน การผลิต ร้านค้าปลีก และธุรกิจพลังงาน
การพัฒนา GenAI อย่างจริงจังในจีนเริ่มต้นหลังจากการเปิดตัว ChatGPT โดย OpenAI เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในประเทศจีนเดินหน้าเต็มกำลังในการเปิดตัว GenAI เวอร์ชันของตัวเอง
เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานจาก UN ถึงจำนวนการจดสิทธิบัตร GenAI ว่า ประเทศจีน ก็เป็นอันดับหนึ่งในด้านนี้เช่นกัน โดยได้มีการยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 38,000 รายการในระหว่างปี 2014-2023 ซึ่งสูงกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 6 เท่า
อย่างไรก็ตาม ประเทศจีน ได้มีมาตรการที่เข้มงวดในการจำกัดการเข้าถึง ChatGPT โดยได้แบนไม่ให้มีการใช้งานในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ยังมีธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติจีนมากมายที่เข้าใช้งาน API ของ OpenAI เพื่อเอามาพัฒนาแอปพลิเคชันของตัวเอง จนต่อมาทางการจีนจึงได้มีการส่งอีเมลเตือนผู้ใช้งานเหล่านี้ ว่า “ระบบไม่รองรับ OpenAI” แล้ว
ส่งผลให้ต่อมาทาง OpenAI ก็ออกมาประกาศที่จะบล็อกผู้ใช้งานในจีน หลังจากวันที่ 9 กรกฎาคม เป็นต้นไป และจะไม่สามารถเข้าใช้งาน API หรือ ChatGPT ได้อีก
บริษัทเทคโนโลยีทั้งเจ้าใหญ่อย่าง Tencent, ByteDance, Alibaba, Baidu ไปจนถึงสตาร์ทอัพรายเล็กอย่าง Zhipu ต่างก็เร่งเครื่องพัฒนา GenAI ของตัวเองออกมาสู่ตลาดในประเทศ จนเริ่มมีการรับเอา GenAI เหล่านี้ไปใช้งานในองค์กรธุรกิจต่างๆ มากขึ้น
แต่ผลที่ตามมาคือ บริษัทเทคฯ ก็ต่างแข่งขันกันลดราคา GenAI ลง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะได้ง่ายขึ้น แบบไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และจะช่วยเพิ่มยอดการใช้งาน GenAI ให้ถึงมือคนทุกกลุ่มเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ทาง SAS ยังได้รายงานเพิ่มเติมอีกว่า จีนกำลังจะกลายเป็นผู้นำในการพัฒนา Continuous Automated Monitoring (CAM) เครื่องมือตรวจจับและวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยจะตรวจจับทั้งกิจกรรมที่ทำ พฤติกรรม และการสื่อสารต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดอาจจะนำไปสู่การล้วงข้อมูลส่วนตัวโดยที่ผู้ใช้งานไม่รู้ตัว
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney