สำนักข่าว Financial Times ระบุว่า Phil Schiller หัวหน้า App Store ของ Apple คือหนึ่งในสมาชิกของทีมผู้บริหารของ Apple ตั้งแต่ปี 1997 จะเข้ารับตำแหน่งผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ลงคะแนนเสียง (Non-voting observer) ในคณะกรรมการภายในปลายปีนี้ โดยเขาจะสามารถเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการ แต่ไม่สามารถลงคะแนนเสียงเพื่อร่วมตัดสินใจใดๆ
รายงานระบุเพิ่มเติมถึงรายชื่อคณะกรรมการชุดใหม่ หลังจากมีการปรับโครงสร้างครั้งล่าสุดในช่วงเดือนมีนาคม หลังจากผ่านเหตุการณ์ดราม่าครั้งใหญ่ของ OpenAI ระหว่างซีอีโอ Sam Altman และคณะกรรมการชุดเก่า ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดใหม่ปรากฏชื่อ Fidji Simo ผู้บริหารระดับสูงของ Instacart ร่วมด้วย Sue Desmond-Hellman อดีตหัวหน้ามูลนิธิ Bill & Melinda Gates และ Nicole Seligman อดีตประธาน Sony Entertainment
เพิ่มเติมจากชื่อเดิมที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนหน้านี้ ได้แก่ Bret Taylor อดีตซีอีโอร่วมของ Salesforce รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ร่วมด้วย Larry Summers อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา และ Adam D'Angelo ซีอีโอ Quora หนึ่งในคณะกรรมการชุดก่อน
บทความที่เกี่ยข้อง
เมื่อพูดถึงบทบาทของบิ๊กเทคกับ OpenAI ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Apple มีบทบาทเท่าเทียบกับ Microsoft ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ลงคะแนนเสียงในบอร์ด OpenAI เช่นเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา
ด้านสำนักข่าว Bloomberg ระบุเพิ่มเติม แม้ว่า Phil Schiller จะไม่ได้เป็นผู้นำโครงการริเริ่มด้าน AI ของ Apple แต่บทบาทที่เชี่ยวชาญของเขาในฐานะผู้ดูแลแบรนด์ของบริษัททำให้เขาเหมาะสมกับงานผู้สังเกตการณ์ นอกจากดูแล App Store แล้ว เขายังคงจัดการกิจกรรมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมถึงมีบทบาทเป็นผู้อำนวยการของบริษัทเทคโนโลยีการแพทย์ Illumina Inc. อีกด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่า Microsoft จะมีความใกล้ชิดกับ OpenAI ก่อนใครเพื่อน รวมถึงสถานะในการเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดจากการทุ่มเงินลงทุนหนุนหลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้ OpenAI สามารถใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์และคลาวด์ขนาดใหญ่ของ Microsoft เพื่อพัฒนาโมเดลแลกกับการที่ Microsoft นำโมเดลไปใช้พัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของตน
โดยหากดูที่โมเดลความร่วมมือระหว่าง Apple กับ OpenAI นอกจากการนำโมเดลมาใช้สานต่อ Apple Intelligence แล้วนั้น ดีลดังกล่าวยังเป็นข้อตกลงในรูปแบบการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกัน
อ้างอิงตามการรายงานก่อนหน้านี้ ระบุ Apple ไม่มีการจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบเงินให้กับ OpenAI ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Apple อาจมีบทบาทในการช่วยผลักดันให้ผู้ใช้อุปกรณ์ของตนเข้าใช้บริการของ OpenAI โดย Apple จะเป็นตัวกลาง ให้ลูกค้าสามารถจ่ายค่า Subscription ผ่านอุปกรณ์ Apple ได้เลย
โดย Apple เชื่อว่า “การผลักดัน OpenAI ให้เป็นแบรนด์เทคโนโลยีที่ได้เข้าไปอยู่บนอุปกรณ์กว่าหลายร้อยล้านเครื่องของ Apple มันเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากกว่าการจ่ายด้วยเงิน” ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Apple ตามทันกระแสธุรกิจ และสามารถคืนสถานะผู้เล่นในสนาม AI ที่แข็งแกร่งได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ Apple ยังคงเดินสายหารือกับ Google และ Anthropic เกี่ยวกับการนำเสนอแชทบอทเพิ่มเติมให้กับลูกค้า ตลอดจนการหารือกับบริษัทจีนอย่าง Baidu และ Alibaba Group เพื่อนำฟีเจอร์ AI มาใช้กับอุปกรณ์ในประเทศจีน
อ้างอิง Financial Times
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney