อาจเห็น Gemini โผล่พร้อม ChatGPT ใน iOS 18 หลัง Apple เดินสายเจรจาโมเดล AI หลายเจ้ามาใช้งาน

หลังจาก Apple สร้างความตื่นเต้นอีกครั้งในงาน WWDC 2024 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมากับการประกาศกลยุทธ์ AI ที่ไม่เท่ากับ Artificial Intelligence แต่เท่ากับ "Apple Intelligence" ในแบบฉบับของตนเอง พร้อมด้วยการเปิดเผยดีลที่ได้ทำร่วมกับ OpenAI เพื่อดึงเอา ChatGPT เข้ามาใช้บนระบบของ Apple อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดจะสามารถใช้งานได้อย่างเป็นทางการในรูปแบบเบต้าโดยเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ที่จะเปิดให้อัปเดทเร็วๆ นี้ 

โดยหลังจากนั้นบรรดาสื่อต่างประเทศเริ่มรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ Apple ถึงการเพิ่มความร่วมมือกับผู้ให้บริการ Generative AI ชื่อดังเจ้าอื่นๆ อาทิ Google, Anthropic และ Perplexity ในการเพิ่มความหลากหลายของ Generative AI ให้ใช้งานบนอุปกรณ์ iPhone, iPad, Mac รวมถึง Vision Pro ที่เพิ่งประกาศ

บทความที่เกี่ยวข้อง 

• ในที่สุด Apple ไม่ตกขบวน GenAI เปิดตัว Apple Intelligence ยืนหนึ่งเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว”
• หุ้น Apple พุ่งทำสถิติสูงสุด นักลงทุนพอใจ “Apple Intelligence” เชื่อคนจะแห่ซื้ออุปกรณ์เพิ่มขึ้น

ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg รายงานถึงความเป็นไปได้เพิ่มเติมว่า Gemini โมเดล Generative AI ของ Google อาจเป็นโมเดลต่อไปที่ Apple สามารถดีลมาใช้ใน Apple Intelligence ร่วมกับ ChatGPT ที่จะเปิดให้ใช้ใน iOS18

ก่อนหน้านี้ Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple เปิดเผยว่าแม้ ChatGPT จะเป็นบริการที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้ แต่ Apple ก็ไม่ได้ปิดกั้นการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Generative AI เจ้าอื่น เพื่อสร้างทางเลือกการใช้งานบนหลากหลายอุปกรณ์ของ Apple ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ความเคลื่อนไหวต่อไปของ Apple ที่กำลังไล่ตามคู่แข่งบิ๊กเทคเจ้าอื่นๆ อย่างไรต่อไป

กลยุทธ์ AI ของ Apple มีอะไรที่มากกว่าไล่ตามคู่แข่งที่มีโมเดลของตนเอง 

ความพยายามดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวข้ามอุปสรรคเมื่อ OpenAI และ ChatGPT ถูกจำกัดการใช้งานในประเทศจีน และทำให้ฟีเจอร์ที่มี ChatGPT ที่จะเข้าไปเสริมในระบบ Apple Intelligence ใหม่นี้ไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศจีน ซึ่งนับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Apple ตามรายงานจาก Wall Street Journal ที่ระบุว่า Apple กำลังมองหาบริษัท AI ของจีนที่จะเป็นพันธมิตรด้วยก่อนการเปิดตัว iPhone ในเดือนกันยายนปีนี้ แต่ยังไม่บรรลุข้อตกลง

นอกจากนี้การเดินสายเจรจาเพื่อหาโมเดล GenAI มาเปิดให้ใช้งานบนอุปกรณ์ของ Apple ยังอาจเป็นอีกหนึ่ง กลยุทธ์ที่สร้างรายได้ให้กับ Apple อันดับแรก คือ การคาดการณ์ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น เพราะวงจรการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ของผู้บริโภคจะรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติใหม่จะเปิดให้ใช้งานในอุปกรณ์รุ่นใหม่เท่านั้น  

แม้ว่า Apple Intelligence จะเปิดให้เริ่มต้นใช้งานได้ฟรีในช่วงแรก แต่มีความเป็นไปได้ที่ Apple จะเปลี่ยนให้ฟีเจอร์ดังกล่าวเปลี่ยนแผนสู่บริการแบบชำระเงินที่ให้ผู้ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน และที่สำคัญ Apple ยังสามารถทำรายได้เพิ่มเติมจากการสมัครสมาชิกของผู้ใช้ที่ต้องเข้าใช้บริการจากพันธมิตร AI ทุกรายที่นำเข้ามาด้วย เพราะกลยุทธ์เดิมของ Apple คือ การสร้างรายได้จากความสามารถของซอฟต์แวร์ในแผนระยะยาวเหมือน iCloud เป็นต้น 

ซึ่งหากย้อนรอยความสัมพันธ์ดีลคล้ายๆ กันนี้ระหว่าง Apple และ Google ที่ทำให้ Google Search ยังคงเป็นตัวเลือกค้นหาเริ่มต้นบนอุปกรณ์ที่ผลิตโดย Apple โดยข้อตกลงนี้เริ่มต้นในปี 2002 และต่อมาได้มีการขยายการใช้งานบริการของ Google ใช้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Apple โดยเฉพาะ iPhone ในปี 2020 Apple สามารถทำเงินจากดีลนี้อยู่ที่ราว 4-7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่แบ่งรายได้กับ Google ที่มาจาก Google Search ในเบราว์เซอร์ Safari 

บทความที่เกี่ยวข้อง 

• รื้อดีลลับ ศึกเสิร์ชเอนจิน เมื่อ Microsoft เคยจะขาย Bing ให้ Apple เพิ่มช่องต่อกร Google เจ้าตลาด
• Apple ทำดีลกับ OpenAI ไม่จ่ายเงินสักบาท เพราะถือว่า ChatGPT ได้โปรโมตไปในตัว แถมยังจะได้ค่าคอมฯ
• ความฉลาดแบบ Apple ไม่ใช้ AI เพื่อโฆษณา แม้ ‘ช้า’ แต่ ‘ใช่’ เบื้องหลังความยิ่งใหญ่เจ้านวัตกรรมโลก

อย่างไรก็ตาม Meta คือ บิ๊กเทครายล่าสุดที่ออกมายืนยันว่า Apple และ Meta มีการพูดคุยกันจริง แต่ดีลดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว โดยมีการรายงานว่า Apple ไม่เห็นด้วยกับแนวทางในการจัดการความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Meta  

อ้างอิง The Verge, Bloomberg 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney