เคยสงสัยไหมว่า ชิปที่อยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ กว่าที่ออกมาเป็นชิป 1 ชิ้น ต้องผ่านอะไร และมีใครเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ทรงพลังถึงขั้นเปลี่ยนโลกได้
Thairath Money จะพาสำรวจเบื้องหลังอุตสาหกรรมชิปโลก โอกาสของธุรกิจยุค AI ที่ไม่ได้มีแค่ Nvidia เท่านั้น แต่ยังมีผู้เล่นอีกมากมายที่เติบโตไปพร้อมๆ กัน โดยเราจะพาไปแยกย่อยกันว่าผู้เล่นในอุตสาหกรรมชิปว่ามีใครอยู่จุดไหนกันบ้าง
ก่อนอื่นเรามารู้จักการแบ่งประเภทของชิป (Types of Chip) ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- ชิปดิจิทัล (Digital) เป็นชิปที่ใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่จะดำเนินการบนระบบเลขฐานสอง จะมีตั้งแต่ ระบบประมวลผล ไปจนถึงหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูล ยกตัวอย่างเช่น GPUs ชิปของ Nvidia ที่จะทำหน้าที่ประมวลผลกราฟิก หรือ CPUs ชิปของ Intel ที่ใช้ในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์
- ชิปอนาล็อก (Analog) เป็นชิปที่จะประมวลผลและแสดงสัญญาณ อย่างเช่น เสียง แสงไฟ หรือวัดอุณหภูมิ เป็นต้น
และในขั้นตอนการผลิตชิป จนกว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ ให้เราได้ใช้กัน จะสามารถแบ่งขั้นตอนการผลิตได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ งานออกแบบ (Design) และงานผลิต (Manufacturing) ดังนี้
งานออกแบบ (Design)
ในฝั่งของงานออกแบบ จะเรียกกลุ่มนี้ว่า Fabless คือ บริษัทผู้ออกแบบและพัฒนาชิป แต่ไม่ได้ทำการผลิตเอง จะเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนา (R&D) และจะไปว่าจ้างบริษัทอื่นๆ ในการประกอบและผลิตชิปออกมา ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้การผลิตให้กับบริษัทผู้ออกแบบ
โดยบริษัทผู้ออกแบบเหล่านี้ จะมีทั้งที่ออกแบบชิปเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป และบางเจ้าออกแบบเพื่อมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น
บริษัทออกแบบชิปโดยตรง (Fabless Chip Firms)
- Nvidia ผู้ออกแบบชิป GPUs (Graphics Processing Unit) รายใหญ่ระดับโลก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ปัจจุบันกินส่วนแบ่งทางตลาดของอุตสาหกรรมชิปอยู่มากถึง 80% เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างก็เป็นลูกค้าของ Nvidia โดยมูลค่าทางตลาดของ Nidia อยู่ที่ 2.905 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
- AMD บริษัทผู้ออกแบบชิปสัญชาติอเมริกัน ที่ออกแบบตั้งแต่ GPUs ชิปสำหรับ AI ไปจนถึงระบบสำหรับสร้างแอปพลิชัน ปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 2.59 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Qualcomm อีกหนึ่งผู้ออกแบบชิปสัญชาติอเมริกัน ที่ออกแบบชิปสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิส์ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน IoT ยานยนต์ และ AI ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 2.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Broadcom ผู้ออกแบบชิปสัญชาติอเมริกัน สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้ง Data Center บริการทางการเงิน ระบบความปลอดภัย และอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 7.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังมีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มบริษัทเทค อย่างเช่น Samsung, Amazon, Asus, Dell และ Lenovo
- MediaTek ผู้ออกแบบชิปจากไต้หวัน ออกแบบชิปสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทีวี และอื่นๆ ปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทที่ไม่ใช่ผู้ผลิตชิป แต่ออกแบบชิปใช้เอง (Fabless Non-Chip Firms)
- Apple ผู้เล่นในสนามชิปสัญชาติอเมริกัน ที่ได้ออกแบบชิปเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ของ Apple เอง ประกอบไปด้วย M1, M2, M3 และปัจจุบันเพิ่งเปิดตัว M4 ออกมา ซึ่งชิปของ Apple จะใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมของ ARM เป็นหลัก และตอนนี้ Apple มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 3.19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
- Tesla อีกหนึ่งบริษัทสัญชาติอเมริกันที่น่าสนใจที่ได้มีการวิจัยและออกแบบชิปเป็นของตัวเอง อย่าง D1 ชิปในโปรเจกต์ Dojo โดยชิป D1 นี้เป็น CPU ที่จะมาใช้ในการเทรน AI ของ Tesla เอง ปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 5.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- IBM บริษัทเทคโนโลยีอีกเจ้าจากสหรัฐอเมริกาที่ลงเล่นในสนามผู้ออกแบบชิป โดยเมื่อปลายปี 2023 ได้เปิดตัว NorthPole โครงสร้างพื้นฐานบนชิป AI ที่ออกแบบมาให้ทำงานอย่างรวดเร็ว ฉลาดเหมือนสมองมนุษย์ และใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งปัจจุบัน IBM มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Meta เจ้าของ Facebook, Instagram และ Whatsapp ที่กำลังเดินหน้าพัฒนา AI อย่างโมเดล Llama โดยทาง Meta ได้มีการออกแบบชิปเอง Meta Training and Inference Accelerator (MTIA) สำหรับเทรน AI เพื่อลดต้นทุนที่ใช้ซื้อชิปจากผู้ผลิตรายอื่น ซึ่งมีราคาสูง ปัจจุบันนี้ Meta มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 1.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Google ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่หันมาออกแบบชิปเอง เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนที่สูงจากการจ้างเจ้าอื่นให้ออกแบบให้ โดย Trillium คือ ชิปที่ประมวลผล AI ที่ทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดยในปัจจุบัน Google มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 2.22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีมูลค่าสูงสุดเป็นลำดับที่ 4 ของโลก
นอกจากนี้ ภายใต้การออกแบบชิป ยังมีบริษัทที่เป็นผู้ออกแบบซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และ IP ให้กับบริษัทผู้ออกแบบตามที่กล่าวมาข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น
- ARM ผู้ออกแบบแกนประมวลผลสัญชาติอังกฤษ สำหรับใช้ออกแบบชิปเพื่อไปใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ ทั้ง AI, IoT ยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน และอื่นๆ อีกมากมาย โดยปัจจุบัน ARM มีมูลค่าตามตลาดอยูที่ 1.58 แสนล้านดอลลาร์
- Synopsys บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้ออกแบบอินเตอร์เฟซ, IP พื้นฐาน และ Physical IP ซึ่งปัจจุบันบริษัทนี้มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 9.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Cadence บริษัทผู้ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์สัญชาติอเมริกัน โดยออกแบบสำหรับบริษัทเทคต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงบริษัทผู้ออกแบบชิป และปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
งานผลิต (Manufacturing)
งานด้านการผลิตจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด ถึงขั้นที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า ไม่มีการผลิตของอุตสาหกรรมไหนยากเท่านี้แล้ว โดยแหล่งที่ผู้ผลิตชิปส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในไต้หวัน
ในสายของงานผลิต จะมีบริษัทต่างๆ ที่ทำหน้าที่เป็น Foundries หรือผู้ผลิตชิป ซึ่งจะมีผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ให้กับ Foundries และเมื่อทำการผลิตเสร็จจะต้องมีการทดสอบ ออกแบบแพ็กเกจจิ้ง และประกอบชิป ซึ่งบริษัทที่อยู่ในขั้นของการผลิตจะประกอบไปด้วย
บริษัทผู้ผลิตชิป (Foundries)
- TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปเจ้าใหญ่จากไต้หวัน โดยมีรัฐบาลไต้หวันเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ปัจจุบัน TSMC รับผลิตชิปให้กับบริษัทใหญ่ๆ หลายรายรวมไปถึง Nvidia และมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 8.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- GlobalFoundries ผู้ผลิตชิปจากสหรัฐอเมริกา โดยเป็นบริษัทที่ผลิตให้กับลูกค้าทั่วโลก ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงชิปสำหรับ AI และ Data Center ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- SMIC บริษัทผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเจ้าเดียวในประเทศจีน ผลิตชิปให้กับบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Huawei และยังเคยถูกทางการสหรัฐฯ แบนเมื่อปี 2020 ปัจจุบัน SMIC มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Samsung ได้มีการแยกย่อยบริษัทออกมาเป็น Samsung Foundry เพื่อออกแบบและผลิตชิปให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรมการผลิตไปจนถึงการแพทย์ โดยตลาดชิปความจำของ Samsung ถือส่วนแบ่งในตลาดอยู่มากถึง 38% เลยทีเดียว ปัจจุบัน Samsung Group มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 3.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตชิป (Semiconductor Equipment Firms)
- ASML บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรัยการผลิตชิปจากเนเธอแลนด์ โดยบริษัทนี้ผลิตตั้งแต่ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ไปจนถึงบริการต่างๆ ที่ผู้ผลิตชิปต้องการ ปัจจุบัน ASML มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 4.06 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- KLA บริษัทผู้พัฒนาและผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตชิปจากสหรัฐอเมริกา โดย KLA จะผลิตเครื่องมือให้กับอุตสาหกรรมไม่ใช่เพียงผู้ผลิตชิปอย่างเดียว ปัจจุบัน KLA มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Lam Research บริษัทจากสหรัฐอเมริกา ที่ทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตชิปเจ้าอื่นๆ ภายใต้ความร่วมมือ และส่งมอบเทคโนโลยี ระบบวิศวกรรม โดยปัจจุบัน Lam มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Tokyo Electron บริษัทจากญี่ปุ่น เป็นผู้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตชิป ซึ่งปัจจุบัน TEL มีมูลค่า 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Nikon บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์และทำ R&D จากญี่ปุ่น ซึ่ง Nikon ปัจจุบันรับผลิตให้กับหลายๆ อุตสาหกรรม รวมไปถึงธุรกิจชิปด้วย โดยตอนนี้บริษัทมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 3.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Applied Materials บริษัทผู้ผลิตและบริการโซลูชันด้านวัสดุวิศวกรรมกับอุตสาหกรรมชิป และ Data Center ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.92 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทผู้ทดสอบ ออกแบบแพ็กเกจจิ้ง และประกอบชิป (Semiconductor Testing, Packaging, and Assembly Firms)
- Foxconn หรือ Hon Hai Technology Group เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์จากไต้หวัน โดยมี AI, Semiconductor และเทคโนโลยีสื่อสารเป็นแกนหลักของการพัฒนาเทคโนโลยี ปัจจุบัน Foxconn มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Amkor Technology บริษัทจากเกาหลีใต้ ที่ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ให้บริการประกอบและทดสอบ Semiconductor ซึ่งมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 9.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
และในกลุ่มของบริษัทผู้ผลิตชิป ยังมีอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญที่จะทำให้กระบวนการชิปเสร็จสมบูรณ์คือ กลุ่มบริษัทผู้ที่นำชิปมาใช้ประกอบเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องมืออื่นๆ ที่เป็นขั้นสุดท้ายก่อนจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานจริงและซื้อขายกันในตลาด ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะนำชิปไปใช้ประกอบเป็น Devices ที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ AI ยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึง Data Center ยกตัวอย่างบริษัทในกลุ่มนี้ เช่น
- Intel บริษัทผู้ออกแบบและผลิตฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์จากสหรัฐอเมริกา โดยนำชิปมาบูรณาการเข้ากับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมไปถึงคลาวด์ คอมพิวเตอร์ AI, Edge และอื่นๆ ปัจจุบัน Intel ยังคงเป็นเจ้าตลาด CPU ของ PC และมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Micron บริษัทผู้พัฒนาชิปความจำ โดยส่วนใหญ่ชิปของ Micron จะถูกนำไปใช้ในคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง Micron เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ที่มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.58 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Texas Instruments บริษัทผู้ออกแบบและผลิตชิป สัญชาติอเมริกัน โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ของ Texas Instruments จะเป็นชิปอนาล็อก ที่สามารถนำไปบูรณาการณ์กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลากหลาย โดยบริษัทมุ่งพัฒนาให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงชิปที่มีราคาต่ำลง ปัจจุบันมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ผลิตชิปอนาล็อก ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดนี้มากที่สุดเป็นอันดับ 1
- SK Hynix บริษัทเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ ผู้พัฒนาและจำหน่ายชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง เซนเซอร์ AI เซิร์ฟเวอร์ โทรศัพท์มือถือ และ PC เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.17 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- NXP ผู้พัฒนาและออกแบบชิปจากเนเธอร์แลนด์ สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดย NXP มีส่วนแบ่งรายได้หลักๆ มากจากการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ชิปที่ออกแบบและผลิตเอง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Analog Devices Incorporated หรือ ADI บริษัทผู้ออกแบบระบบและพัฒนาโซลูชันทางเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ในรูปแบบของชิปอนาล็อก ชิปดิจิทัล และซอฟต์แวร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือเป็นเจ้าตลาดอันดับที่ 2 ในด้านชิปอนาล็อกรองจาก Texas Instrument และมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Samsung ที่นำชิปที่ออกแบบเองมาใช้ในอุปกรณ์ของตัวเอง ทั้ง โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และแล็ปท็อป ซึ่งทั้ง 2 บริษัท เป็นเจ้าครองตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าทุกบริษัทที่ได้กล่าวถึงข้างต้น ล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในโลกของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นบริษัทรายใหญ่ที่มีมูลค่าในตลาดติด 300 อันดับแรกของโลกแทบทั้งสิ้น