ที่ผ่านมาเมื่อเห็นข่าวเลิกจ้างงานของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เรามักจะเห็นราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น จากการที่นักลงทุนมองว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรของบริษัทได้มากขึ้น ซึ่งสวนทางกับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานและสภาพเศรษฐกิจจริง
แต่ในกรณีของ Tesla กลับตรงกันข้าม เพราะราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลง 6% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา และลดลงอีก 2.7% ในวันอังคาร จนอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เมษายนปีที่แล้ว หลังจากที่อีลอน มัสก์ แจ้งพนักงานว่า บริษัทจะลดจำนวนพนักงานทั่วโลกเกิน 10% โดยคาดว่าจะกระทบพนักงานราว 14,000 คน จากทั้งหมด 140,473 คน
"ไม่มีอะไรที่ผมเกลียดไปมากกว่านี้แล้ว แต่มันต้องทำ" อีลอน มัสก์ เขียนในข้อความเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงาน
สำหรับราคาหุ้น Tesla ปรับตัวลงอย่างหนักตั้งแต่ต้นปี โดยลดลงกว่า 29% ในไตรมาสแรก หนักที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022
แม้ว่าในอดีตเมื่อปี 2018 Tesla เคยเลิกจ้างพนักงานไปกว่า 9% แต่ในขณะนั้นราคาหุ้นกลับพุ่งขึ้นกว่า 3% แต่ปัจจุบัน Tesla อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เพราะตลาดรถ EV ทั่วโลกมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Tesla ได้รายงานการส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสแรกดิ่งลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคโควิดเป็นต้นมาที่ยอดขายลดลง นอกจากนี้ Tesla ยังต้องเผชิญกับคู่แข่งคนสำคัญในจีนอย่าง BYD และ Xiaomi ที่เข้ามาตีตลาดรถ EV อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว ยอดขาย Tesla เพิ่มขึ้นกว่า 38% เมื่อเทียบกับปี 2022 และในปีนี้ Tesla เคยออกมาเตือนนักลงทุนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้วว่า การเติบโตอาจจะ "ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด" เมื่อเทียบกับปีก่อน
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ้างอิง CNBC, tradingview, CNN