6 ผู้เล่นยักษ์ใหญ่วงการเซมิคอนดักเตอร์ ตัวละครสำคัญ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก

จากกระแสความต้องการ AI ที่เพิ่มมากขึ้นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนาประสิทธิภาพของ AI นั่นก็คือ 'เซมิคอนดักเตอร์' ซึ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมารายงานจาก Deloitte ได้คาดการณ์ว่าในปีนี้ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ชิปทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 13% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

โดยเฉพาะตลาดชิป AI คาดว่าจะโตที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) กระโดดขึ้นมาจากการเติบโตที่เกือบจะเป็นศูนย์ในช่วงปี 2022 และอาจกินสัดส่วนครึ่งหนึ่งของตลาดชิปภายในปี 2027

ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีในวงการเซมิคอนดักเตอร์ทั้งฝั่งบริษัทผู้ผลิตและออกแบบต่างเติบโตขึ้นมาจากความต้องการชิปที่มากขึ้น Thairath Money ได้รวบรวม 6 บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในยุคนี้ว่าจะมีเจ้าไหนบ้าง

1. Nvidia 

ต้องบอกเลยว่าในยุคนี้ไม่มีใครที่จะมาแรงได้เท่า Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก และเป็นบิ๊กเทคขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลกด้วยมูลค่าบริษัท 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 78.8 ล้านล้านบาท) รองจากอันดับหนึ่งอย่าง Microsoft พร้อมไล่บี้ Apple ที่มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 97.7 ล้านล้านบาท) ตามข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 16 เมษายน 2567

โดยในผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 สิ้นสุดวันที่ 28 มกราคม 2567 Nvidia สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าถึง 265% มาอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 8 แสนล้านบาท) รับอานิสงส์จากความต้องการชิปพลังการประมวลผลสูง “H100” ที่ใช้ในการเทรนโมเดล AI อย่าง ChatGPT

Nvidia โด่งดังในฐานะผู้ออกแบบและผลิตการ์ดจอหรือ GPU ที่ใช้ในวงการเกม ขุดคริปโตฯ รวมไปถึงชิปที่ใช้ในยานยนต์และหุ่นยนต์ซึ่งนับเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

2. TSMC

TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company Limited) เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายสำคัญจากไต้หวันโดยเป็นบริษัทที่รับผลิตวงจรรวม (Integrated Circuit) ให้กับบริษัทอื่นเป็นหลัก (Foundry) และโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำสมัย

โดย TSMC จะรับผลิตชิปเซตที่ใช้ในสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ IoT ยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการประมวลผลสมรรถนะสูง High Performance Computing (HPC) ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายเจ้าล้วนเป็นลูกค้าของ TSMC ไม่ว่าจะเป็น Nvidia, Apple, AMD และ Tesla 

และในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมารายงานจาก Counterpoint ระบุว่า TSMC สามารถรักษาตำแหน่งบริษัทรับผลิตชิปอันดับหนึ่งไว้ได้โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึง 61% เป็นผลมาจากการ Restock อุปกรณ์สมาร์ทโฟนรวมไปถึงความต้องการ AI ที่เพิ่มมากขึ้น

3. Samsung

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ Samsung ในฐานะแบรนด์สมาร์ทโฟนเป็นหลักแต่ความจริงแล้วบริษัทยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยเป็นผู้ผลิตทั้ง Memory Chip และ Logic Chip รวมถึงรับผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นอีกด้วย 

ขณะเดียวกัน Samsung Foundry ก็ครองส่วนแบ่งตลาดบริษัทผู้รับผลิตชิปเป็นอันดับสองรองจาก TSMC ที่ 14% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา และล่าสุดยังได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ ถึง 6.4 พันล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) เพื่อสนับสนุนฮับผลิตชิปแห่งใหม่ของ Samsung ในรัฐเท็กซัส

4. Intel

สำหรับ Intel ถือเป็นบริษัทที่มีบทบาทในวงการเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งโดดเด่นในเรื่อง CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม "x86" ทั้งยังเคยเป็นผู้ผลิตชิปที่ใช้ใน Mac ก่อนที่ Apple จะหันไปใช้โปรเซสเซอร์หลักของตัวเองที่ผลิตโดย TSMC 

อย่างไรก็ตามธุรกิจชิปของ Intel ยังคงประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินกลยุทธ์ที่ผิดพลาดจนเสียตำแหน่งเจ้าตลาดให้กับ TSMC ซึ่งปัจจุบัน Intel ก็อยู่ระหว่างการดำเนินงานเพื่อดึงสถานะความเป็นผู้นำกลับคืนมา

5. Qualcomm

สำหรับ Qualcomm นั้นเป็นอีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ คู่แข่ง Intel ที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบและผลิตเซมิคอนดักเตอร์รวมถึงอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยเป็นผู้ผลิตโปรเซสเซอร์ “Snapdragon” ที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซึ่งถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนหลายรุ่นของ Samsung โดยเฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและตลาดอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ชิป Exynos ของ Samsung เอง 

รวมถึงอยู่ในอุปกรณ์ของบริษัทเทคชื่อดังหลายเจ้าที่เป็นลูกค้าของ Qualcomm ไม่ว่าจะเป็น Lenovo, Dell, Xiaomi, HP และ Sony เป็นต้น

นอกจากนี้ Qualcomm ยังเป็นผู้ออกแบบและผลิตชิปโมเด็มที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยมี Apple เป็นหนึ่งในลูกค้ารายสำคัญที่ใช้ชิปโมเด็มของ Qualcomm 

6. AMD

AMD หรือ Advanced Micro Devices เป็นบริษัทผู้ผลิตการ์ดจอและชิปประมวลผลรายใหญ่จากสหรัฐฯ หนึ่งในคู่แข่งคนสำคัญของ Nvidia โดดเด่นในเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานครอบคลุมทั้งในคอมพิวเตอร์ เกมคอนโซลและ Data Center 

โดยรายได้หลักๆ ของ AMD จะมาจากการขาย CPU และการ์ดจอให้กับลูกค้าหลายกลุ่มทั้งนำเสนอตั้งแต่ตัวเลือกราคาประหยัดไปจนถึง CPU ระดับไฮเอนด์สำหรับเกมมิ่ง ขณะที่การ์ดจอของ AMD ก็ได้รับความนิยมในเหล่าเกมเมอร์และเกมคอนโซลของ Microsoft และ Sony ต่างก็ใช้ชิปของ AMD

อ้างอิง

Business Insider, Counterpoint Research, The New York Times, Qualcomm, Business Model Analyst

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney