ล่าสุดหลังจากที่ ญี่ปุ่น กลายเป็นหมุดหมายในการจัดตั้งสำนักงานแห่งแรกในเอเชียของ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT และเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนเมษายนนี้
Microsoft ประกาศร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น วางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมูลค่ารวม ลงทุน 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.05 แสนล้านบาท สร้างดาต้าเซนเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล วางหลักสูตรเรียนรู้ทักษะดิจิทัล ขยายขีดความสามารถเอไอและคลาวด์ของประเทศภายในสองปีนี้
แบรด สมิธ (Brad Smith) Vice Chair and President ของ Microsoft พร้อมด้วย มิกิ สึซากะ (Miki Tsusaka) ประธานบริษัท Microsoft Japan ซูซาน พี. คลาร์ก (Suzanne P. Clark) ประธานและซีอีโอ หอการค้าสหรัฐฯ และราห์ม เอ็มมานูเอล (Rahm Emanuel) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น เข้าพบ ฟูมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อเจรจาความร่วมมือครั้งใหญ่ที่นับเป็นการลงทุนครั้งใหญ่สุดของ Microsoft ตลอด 46 ปี ที่ได้มีความร่วมมือกับญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1978
Microsoft กล่าวว่า การลงทุนด้านโครงสร้านพื้นฐานดิจิทัลในครั้งนี้มีเป้าหมายสนับสนุนญี่ปุ่นให้ขับเคลื่อนประเทศท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล สร้างจุดแข็งด้านดิจิทัล และกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการขยายโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับการประมวลขั้นสูงในยุคของ AI
ตลอดจนการแก้ปัญหาเรื่องการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องถ่ายโอนข้อมูลภายในที่สำคัญออกสู่ดาต้าเซนเตอร์ในต่างประเทศอีกต่อไป ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
นอกจากนี้ภายในระยะเวลาสามปี Microsoft จะเข้ามามีบทบาทในการสอนทักษะด้านดิจิทัล โดยการฝึกอบรมพนักงานจำนวน 3 ล้านคนทั่วประเทศญี่ปุ่นที่เข้าร่วมโปรแกรม ซึ่งจะเน้นไปที่องค์กรธุรกิจ นักพัฒนา นักศึกษา และคนทั่วไปที่มีความสนใจให้มีทักษะที่จำเป็นในการพัฒนาหรือทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI
รวมถึงการกระชับความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นในเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ Microsoft จะร่วมมือกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นภายใต้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ สนับสนุนด้านโซลูชั่นรวมถึงเทคโนโลยีบริการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ และ AI ขั้นสูงสำหรับภาครัฐ ธุรกิจ และสังคม
ทั้งนี้ Microsoft ยังวางแผนที่จะเปิดตัวห้องปฏิบัติการ Microsoft Research Asia แห่งแรกในกรุงโตเกียว เพื่อร่วมมือกับนักวิชาการในการวิจัยพัฒนาด้าน AI & Robotics รวมถึงด้านอื่นๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในประเทศญี่ปุ่น โดยห้องปฏิบัติดังกล่าวจะช่วยขยายความเป็นผู้นำด้านการวิจัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Microsoft อีกด้วย
ฟูมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น การทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลกอย่าง Microsoft ที่จะเข้ามาช่วยวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวม นอกจากนี้เทคโนโลยีจะช่วยรักษาการเติบโตของผลิตภาพอย่างยั่งยืน ท่ามกลางปัญหาประชากรที่ลดลง
ด้าน แบรด สมิธ (Brad Smith) Vice Chair and President ของ Microsoft เปิดเผยถึงความหวังต่อรัฐบาลญี่ปุ่นกับสำนักข่าว Nikkei Asia ว่า “ญี่ปุ่นมีบทบาทผู้นำที่สำคัญ" ซึ่งรวมถึง "การช่วยเชื่อมโยงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา และสหภาพยุโรปเข้าด้วยกัน" ในเรื่องการพัฒนากฎระเบียบ AI โดยเฉพาะ เพราะญี่ปุ่นเป็นผู้นำการจัด Hiroshima AI ในการประชุมสุดยอด Group of Seven ในปีที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มวางแนวทางในการสร้างกรอบการกำกับดูแลสำหรับเทคโนโลยีในประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนการร่วมมือกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ อย่างล่าสุดรัฐบาลได้จัดตั้งโปรแกรม Generative AI Accelerator Challenge (GENIAC) นำโดยกระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโปรแกรมบ่มเพาะและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อจัดตั้งบริษัทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI เพื่อนำมาใช้กับประเทศ
การขยายน่านน้ำในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า 'ญี่ปุ่น' กำลังกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะบทบาทในอุตสาหกรรม AI ที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของรัฐบาลญี่ปุ่นชุดนี้ ซึ่งในปัจจุบันการนำ AI มาใช้เพิ่มขีดความสามารถภายในประเทศ ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญระดับชาติที่สำคัญสำหรับรัฐบาลทั่วโลก
อ้างอิง Microsoft, Nikkei Asia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney