บริษัทจีนทุ่มเงินก้อนใหญ่ ล็อบบี้เลี่ยงการตรวจสอบ เปิดทางขยายธุรกิจในสหรัฐฯนำโดย TikTok และ Shein
Date Time: 8 ก.พ. 2567 12:07 น.
“Summary“
- ผลสำรวจเผย บริษัทจีนทุ่มเงินล็อบบี้สะท้อนการเพิ่มขึ้นของอิทธิพลจากบริษัทจีนที่มีต่อผู้กำหนดนโยบาย ด้าน ByteDance จ่ายเงิน 8.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Shein จ่าย 2.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้นกว่า 650% จากปีก่อน
OpenSecrets องค์กรสหรัฐฯ ติดตามด้านการเงินและการล็อบบี้ขององค์กร ซึ่งพบว่า ในปีที่ผ่านมา แม้จะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น แต่กลับเพิ่มความพยายามในการล็อบบี้ครั้งใหญ่ บรรดาบริษัทจีนยังทุ่มเงินมหาศาลเพื่อขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกาด้วยวิธีการล็อบบี้เพื่อลดอุปสรรคในการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากรัฐสภา นำโดย ByteDance บริษัทแม่ TikTok และ Shein เว็บไซต์ค้าปลีกเสื้อผ้าออนไลน์
โดยในปี 2566 ByteDance จ่ายเงินถึง 8.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 77% จากปีก่อนหน้า โดย ByteDance ได้กล่าวถึงกฎหมายที่ใช้ปราบปราม TikTok เช่น การระบุว่า TikTok เป็นภัยคุกคามความปลอดภัยที่มีความเสี่ยงตามพระราชบัญญัติเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (RESTRICT) และพระราชบัญญัติห้ามใช้ TikTok บนอุปกรณ์ (No TikTok on Government Devices Act)
ดูเหมือนว่าแม้จะถูกเรียกร้องให้ห้ามใช้ TikTok เป็นการชั่วคราวในหลายๆ รัฐ แต่ยังคงได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาวในสหรัฐฯ โดยปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้มากกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐฯ
ด้าน Shein บริษัทฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากจีนก็มีการจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 657% จากปีก่อนหน้า โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 เรียกได้ว่า จ่ายมากเป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม แม้ถูกตรวจสอบอย่างหนัก Shein ยังเดินหน้าตามกระบวนการเพื่อเข้าเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Shein ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎหมายนำเข้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากศุลกากร ซึ่ง Shein ไม่ต้องถูกตรวจสอบภายใต้ข้อยกเว้นในพระราชบัญญัติภาษีปี 1930 อีกประเด็นการบังคับใช้แรงงานในการผลิต ซึ่งองค์การสหประชาชาติระบุว่า พบหลักฐานการจัดหาฝ้ายจากภูมิภาคซินเจียง การบังคับใช้แรงงาน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ในรายงานเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา
แม้การเปิดเสรีทางการค้าจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างผลดีต่อภาคธุรกิจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขยับขยายการดำเนินการอย่างแข็งขันของธุรกิจจีนในดินแดนสหรัฐฯ สร้างความกังวลให้กับสภาคองเกรส บวกกับข้อขัดแย้งเดิมที่ว่าธุรกิจสัญชาติสหรัฐฯ กลับต้องเผชิญกับการกีดกันจากทางการจีนจำนวนมากในปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงที่ผ่านมา
ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำถึงความท้าทายด้านกฎระเบียบและการเพิ่มขึ้นของอิทธิพลจากบริษัทจีนที่มีต่อผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งเห็นได้ชัดว่านโยบายหรือข้อกฎหมายจะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา และรับประกันการเติบโตของธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในตลาดระดับโลก
อ้างอิง Nikkei Asia, Techwireasia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
Author
