หุ้นบิ๊กเทค 7 นางฟ้า หาเงินจากอะไรบ้าง ? ส่องรายได้กำไรปี 2566

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้นบิ๊กเทค 7 นางฟ้า หาเงินจากอะไรบ้าง ? ส่องรายได้กำไรปี 2566

Date Time: 6 ก.พ. 2567 19:14 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Summary

  • ผลประกอบการปี 2566 ของ 7 หุ้นนางฟ้า Apple (AAPL), Amazon (AMZN), Alphabet (GOOGL), Nvidia (NVDA), Meta Platforms (META), Microsoft (MSFT) และ Tesla (TSLA) ใครทำเงินจากอะไรบ้าง ?

Latest


ในปีที่ผ่านมา 'อุตสาหกรรมเทคโนโลยี' นับเป็นหนึ่งภาคส่วนที่มีการฟื้นตัวครั้งใหญ่ จากกระแส AI ที่ถูกวิเคราะห์ในทางเดียวกันว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อจากนี้ ทั้งจากฝั่งของผู้ใช้ทั่วโลกและการกระโดดลงสนามของบรรดาบิ๊กเทค (เกือบทุกเจ้า)

ทั้งนี้การนำ AI มาเสริมประสิทธิภาพของธุรกิจและการกระหน่ำเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตนเองสู่ตลาด ดูเหมือนจะทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ นั่นก็คือ ตัวเลขยอดขายและกำไรสุทธิที่เติบโตในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะบรรดาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่พุ่งยกขึ้นแผงรับเทรนด์ AI ซึ่งสะท้อนไปถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนนั่นเอง 

Thairath Money รวมผลประกอบการปี 2566 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ทั้ง 7 ราย หรือที่รู้จักกันในนาม “7 Magnificent” 7 หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่กำลังครองแนวการลงทุนในขณะนี้ ได้แก่ Apple (AAPL), Amazon (AMZN), Alphabet (GOOGL), Nvidia (NVDA), Meta Platforms (META), Microsoft (MSFT) และ Tesla (TSLA) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอันดับต้นๆ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าตามตลาด ณ ปัจจุบัน  

ตามข้อมูลผลประกอบการตลอดทั้งปี 2566 ตามที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ บิ๊กเทคที่คว้ารายได้สุทธิสูงสุดนำโดย ‘Amazon’ ที่ทำรายได้ไปกว่า 5.74 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.04 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 1,000%

แม้ปีที่ผ่านมา Amazon เสียเงินชดเชยไปกับการปิดหน้าร้านจริงหลายแห่งกว่า 720 ล้านดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท Amazon ให้มีผลขาดทุนสุทธิเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากการลงทุนใน Rivian Automotive แต่กาผลดำเนินการที่ได้ถือว่าถือว่ามีอัตรการเติบโตสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยรายได้หลักยังคงมาจากยอดขายสินค้าออนไลน์

ตามด้วยอันดับสองอย่าง ‘Apple’ ที่แม้จะเจอกับการกีดกันการใช้ iPhone อย่างหนักในจีน แต่ก็ทำรายได้ไป 3.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไรสุทธิอยู่ที่ 9.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงไปเกือบ 3% จากปีก่อนเพราะปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน

ต่อเนื่องด้วย ‘Alphabet’ บริษัทแม่ Google ที่ทำรายได้ไป 3.07 แสนล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย Google Search และโฆษณายังเป็นสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท 

สำหรับ ‘Microsoft’ บริษัทที่จัดว่าโดดเด่นที่สุดในสนาม AI ในปีที่ผ่านมาอยู่ในอันดับสี่ ทำรายได้ไป 2.1 แสนล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์โดยหน่วยธุรกิจคลาวด์ Azure ที่เติบโตอย่างโดดเด่นนั้นทำรายได้มากสุด 

ในส่วนของ ‘Meta’ ที่ตามมาติดๆ ในครึ่งปีหลัง สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากตัวเลขผลดำเนินนการที่ค่อนข้างฟื้นฟูไปในทิศทางที่ดีได้อย่างน่าสนใจ โดยรายได้สุทธิเติบโต 16% อยู่ที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 69% อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์หุ้นของบริษัทเพิ่มสูงสุดจากปีก่อน 147% หลังจากที่หุ้นของบริษัทดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี 

และอันดับหก 'Nvidia' ผู้ผลิตชิปที่กลายขึ้นแท่นบิ๊กเทคที่ถูกกล่าวว่าเป็นผู้ชนะตัวจริง ทำรายได้ไป 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 4.3 พันล้านดอลลาร์ หุ้นบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 200% จากปีก่อน ขึ้นแท่น ‘หุ้นเทคแห่งปี’ เพราะยอดสั่งซื้อชิป AI จำนวนมากเพื่อรองรับปริมาณงาน AI ที่เข้มข้นในภาคธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งหลังจากนี้

ปิดท้ายด้วย 'Tesla' ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าของโลกที่ถูกนับรวมในกลุ่มพี่ใหญ่สายเทค ทำรายได้ 9.6 หมื่นล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยยอดส่งมอบโลกทั่วโลก 484,507 คันในปีที่ผ่านมา

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ