Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR
Whoscall ทำเงินได้มากขนาดไหนจากการทำธุรกิจระบุเบอร์แปลก ให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสี่ยงรับสายมิจฉาชีพ

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Whoscall ทำเงินได้มากขนาดไหนจากการทำธุรกิจระบุเบอร์แปลก ให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสี่ยงรับสายมิจฉาชีพ

Date Time: 15 ม.ค. 2567 12:03 น.

Summary

Whoscall แอปฯ ระบุเบอร์โทรและข้อความสแปมภายใต้ Gogolook บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันจากไต้หวัน จะสามารถทำเงินได้มากขนาดไหนจากธุรกิจที่ช่วยผู้ใช้ลดความเสี่ยงถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่อีกแง่หนึ่งกลับเป็นช่องว่างให้กลุ่มคนประสงค์ร้ายใช้เป็นโอกาสในการเข้าถึงและหลอกคนได้ง่ายในพริบตา 

แต่เทคโนโลยีก็ไม่หยุดพัฒนา เพราะยังมีแอปพลิเคชันอย่าง Whoscall ที่ช่วยระบุเบอร์โทรจากคนไม่รู้จัก และไม่ต้องเสี่ยงรับสายโจรให้เสียเวลา บทความนี้ Thairath Money จะพามาดูกันว่าแอปฯ ระบุเบอร์แปลกตัวนี้จะฮอตฮิตแค่ไหน และทำรายได้ไปมากเท่าไรจากบริการที่มี

Whoscall พัฒนาโดย Gogolook บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันจากไต้หวัน ซึ่งเด่นในเทคโนโลยีป้องกันการทุจริต (Anti-Fraud Technology) ทั้งยังมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันครอบครองข้อมูลเบอร์โทรศัพท์มากกว่า 2.6 พันล้านหมายเลข ทั้งยังสามารถระบุหมายเลขโทรศัพท์และ SMS ไปแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้านรายการ

โดยฐานข้อมูลของ Whoscall นั้นมาจากการรายงานของผู้ใช้ ทำให้มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ทั้งยังดำเนินงานผ่านความร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานตำรวจเพื่อแบ่งปันฐานข้อมูลเบอร์โทรสแกมเมอร์ พร้อมไปกับการใช้ AI ในการแจ้งเตือนเบอร์โทรที่น่าสงสัยแบบอัตโนมัติ

ปี 2010 ถือเป็นครั้งแรกที่ Whoscall ได้รับการเปิดตัวบน Google Play และอีก 3 ปีต่อมาก็ถูกเข้าซื้อกิจการโดย Naver ของเกาหลีใต้ หรือบริษัทแม่ของ LINE ไปในมูลค่า 529 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (หรือประมาณ 599 ล้านบาท) ก่อนผู้ร่วมก่อตั้งจะเข้าซื้อกิจการ (Management Buyout) และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันในเวลาต่อมา

จากนั้นในปี 2014 จึงได้เปิดตัวบน App Store และได้รับการตอบรับอย่างดีจนได้รับรางวัลมากมายจากทั้ง Google Play และ App Store และมียอดดาวน์โหลดทั่วโลกเกินกว่า 100 ล้านครั้งในปี 2021 

ซึ่ง Whoscall เป็นที่รู้จักจากการเป็นแอปฯ ระบุเบอร์แปลกและยังมีบริการระบุ SMS หลอกลวง ที่ปัจจุบันใช้ได้เฉพาะบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และได้ทำการปิดกั้นเบอร์และข้อความที่เป็นสแปมไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านรายการ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับคนจำนวนมาก

สอดคล้องกับการแถลงจากกระทรวงดิจิทัลฯ เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ที่ได้ร่วมกับสำนักงาน ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ายึดทรัพย์เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่มูลค่ากว่า 1,205 ล้านบาท ซึ่งมีวิธีการหลอกลวงหลายแบบ ทั้งโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ตลอดจนโพสต์ข้อความหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดีย

นอกจากระบุเบอร์แปลกแล้ว Whoscall ยังมีฟีเจอร์เช็ก URL เป็นการช่วยคัดกรองลิงก์ไม่ปลอดภัยจากเหล่ามิจฉาชีพ เพราะนอกจากจะเข้าหาเหยื่อผ่านการโทรแล้ว ยังอาจมาในรูปแบบของการส่งลิงก์ ที่หากเผลอกดไปแล้วอาจสูญเงินหมดบัญชีได้

และสำหรับรายได้จากการดำเนินงานในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2566 Whoscall มีรายได้ 559 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (หรือประมาณ 633 ล้านบาท) โดยสัดส่วนรายได้กว่า 59% มาจากไต้หวัน และรายได้ 40% มาจากการดำเนินงานในประเทศแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอีก 1% ที่เหลือมาจากภูมิภาคอื่น

ขณะที่รายได้ของ Gogolook ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 สูงขึ้น 86.49% จากปีก่อนหน้าแตะ 693.1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (หรือประมาณ 778.2 ล้านบาท) จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ รวมไปถึงการออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ และมีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 5.90 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (หรือประมาณ 6.62 พันล้านบาท)

ปัจจุบัน Gogolook ขยายบริการ Whoscall ครอบคลุมมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง บราซิล และมาเลเซีย ซึ่งนอกจาก Whoscall แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ป้องกันการหลอกลวงตัวอื่นๆ อย่าง Call Defender, Message Checker และ Auntie Meiyu รวมไปถึง Roo.Cash ซึ่งเป็นเทคโนโลยีป้องกันการหลอกลวงจากบริการทางการเงิน

อ้างอิง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)