TrueMoney ขึ้นแท่นแอปฯ ไทย ยอดดาวน์โหลดสูงสุด รองลงมา K PLUS, Krungthai NEXT และ SCB EASY

แอ๊พซินท์ (Appsynth) หนึ่งในที่ปรึกษาด้านดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและผู้เชี่ยวชาญด้านแอปฯ บนสมาร์ทโฟนชั้นนำของไทย ร่วมกับ data.ai แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลมือถือ เปิดผลการจัดอันดับท็อป 20 แอปพลิเคชันไทยที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุด นับตั้งแต่เปิดสโตร์จนถึงปัจจุบัน 

โดยรายชื่อแอปฯ ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด 10 อันดับแรกของการจัดอันดับในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 1. TrueMoney 2. K PLUS 3. Krungthai NEXT 4. SCB EASY 5. 7-Eleven TH 6. myAIS 7. TruelD 8. MyMo by GSB 9. PaoTang และ 10. Bangkok Bank Mobile Banking

และหากพิจารณาจากรายชื่อแอปฯ ที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุด 20 อันดับ จะพบว่ามีแอปฯ ในภาคบริการทางการเงินถึง 9 แอปฯ จากธนาคาร 7 แห่ง ซึ่งครอบคลุมบริการกระเป๋าเงินดิจิทัล บริการการชำระเงิน และแอปฯ ธนาคารบนสมาร์ทโฟน โดยมี 2 แอปฯ ที่ให้บริการโดยหน่วยงานที่ไม่ใช่ธนาคาร

และแม้ว่าแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ในหมวดนี้จะเป็นแอปฯ ที่ให้บริการโดยธนาคารพาณิชย์ แต่เป็นที่น่าสนใจว่าแอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุด คือ TrueMoney ที่ให้บริการโดย ทรู คอร์ปอเรชัน 

และเมื่อห้าปีที่แล้ว แอปฯ TrueMoney เคยอยู่ในลำดับที่ 6 และการไต่ระดับสู่แอปฯ ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากฟินเทคและโซลูชันทางการเงินแบบฝังตัว (Embedded Finance Solutions) ที่ช่วยขยายขีดความสามารถและยกระดับบริการของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร 

มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการ ทรู มันนี่ กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ขอขอบคุณผู้ใช้งานที่มอบความไว้วางใจและเลือกใช้ทรูมันนี่ในการทำธุรกรรมต่างๆ การที่แอปฯ ของเรามียอดดาวน์โหลดมากที่สุดนั้นสะท้อนถึงพันธกิจขององค์กรของเราที่ต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินได้ และช่วยยกระดับชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น”

นอกจากนี้แล้ว ในกลุ่มแอปฯ ที่มีการดาวน์โหลดสูงสุด 5 อันดับแรก ยังประกอบไปด้วยแอปฯ จากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของไทย ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้แตกบริการใหม่ๆ นอกเหนือไปจากบริการหลัก เช่น ประกัน สินเชื่อ และโปรแกรมสะสมแต้ม

การพัฒนาและปรับตัวของแอปพลิเคชันเหล่านี้ เป็นการยืนยันว่า การที่แอปพลิเคชันจะครองใจผู้ใช้งานและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องนั้น จะต้องมีการปรับจากการให้บริการผลิตภัณฑ์หลักเพียงอย่างเดียว ไปสู่การให้ความสำคัญกับผู้ใช้งาน มีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีและมีคุณค่าอย่างแท้จริง

และในส่วนของบริการฟู้ดเดลิเวอรี ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ มีถึง 2 แอปฯ ดังที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับ และที่น่าจับตามองคือ 7-Eleven ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยครองอันดับที่ 5 ของรายการ เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 15 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว 

ทั้งนี้ ภาพรวมของวงการฟู้ดเดลิเวอรีในไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดได้ปรับกลยุทธ์จากการเป็นเพียงสื่อกลางที่ช่วยเชื่อมผู้บริโภคกับร้านอาหารหากัน ไปสู่บริการที่เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหาร และในฝั่งของผู้บริโภคด้วย 

เร็วๆ นี้ ยังพบว่ามีการจับมือกันของผู้ให้บริการข้ามแพลตฟอร์มมากขึ้น เพื่อสร้างโซลูชันใหม่ๆ ที่ผนวกเอาเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาปรับใช้ในวงการร้านอาหาร ผสานประสบการณ์ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์อย่างลงตัว 

โรเบิร์ต แกลลาเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊พซินท์ เอเชีย จำกัด เผยว่า “จะเห็นได้ว่าแอปพลิเคชันที่อยู่ใน 10 ลำดับแรก กำลังผันตัวสู่การเป็น Super App คือมีการเพิ่มบริการใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์หลักออกมาเพื่อที่จะส่งมอบคุณค่าสูงสุดสู่มือผู้ใช้งาน และการที่แพลตฟอร์มเหล่านี้เปิดให้ Third-Party ได้เข้ามาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จะเป็นการเปิดรับโอกาสได้อีกมาก เรามองว่าเทรนด์ Super App และนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) จะมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตการพัฒนาแอปฯ ทั้งในปี 2567 นี้ และปีถัดๆ ไป”