ผลดำเนินการไตรมาส 3 ปี 2566 Amazon มีรายรับ 1.43 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีผลกำไรรายไตรมาสที่ 9.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 94 เซนต์ต่อหุ้น
สัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบเป็นรายปีที่ 32.1 พันล้านดอลลาร์ และจากจากอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบเป็นรายปีที่ 8.79 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับ Amazon Web Service (AWS) หน่วยธุรกิจคลาวด์ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนผลกำไรมายาวนานของบริษัท ทำรายได้ไปได้ 2.31 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% นอกจากนี้รายได้จากการโฆษณาดิจิทัล 1.21 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกัน
Andy Jassy ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Amazon ระบุ “Amazon มีไตรมาสที่แข็งแกร่ง ยอดขายในธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลักของ Amazon และรายได้จากโฆษณาดิจิทัล ฟื้นตัวดีขึ้น การเติบโตของ AWS ของเรายังคงมีเสถียรภาพ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รายได้จากการดำเนินงาน รวมถึงกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
อย่างไรก็ตามแม้ AWS สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดบางส่วนให้กับ Microsoft Azure ที่โตเพิ่มขึ้น 29% ตามด้วย Google Cloud ขยายตัว 22% แต่ยังเติบโตโดดเด่นที่สุด เป็นผลจากความต้องการด้านการพัฒนา Generative AI เพิ่มมากขึ้นและจำเป็นต้องเสริมประสิทธิภาพแพลตฟอร์มคลาวด์เซอร์วิสที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
นอกจากนี้แอปพลิเคชัน Generative AI ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทถูกวางให้เป็นตัวสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัท โดยในช่วงไตรมาสดังกล่าว Amazon ได้ประกาศความร่วมมือกับสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Anthropic ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่แข่ง OpenAI เพื่อพัฒนาเครื่องมือพร้อมใช้งานสำหรับลูกค้า AWS
Amazon เป็นอีกหนึ่งเจ้าที่ไม่ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นที่ปรับแนวทางลดต้นทุนลงเพื่อเพิ่มผลกำไรในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องพบกับการชะลอตัวของยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีก เพราะอุปสงค์ที่ลดลงหลังการแพร่ระบาดโรคโควิดคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เห็นการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงในปี 2566 รวมถึงการกลับมาของยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ อย่าง Microsoft, Google และ Meta ที่ประกาศผลดำเนินการมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากเปิดผลดำเนินการหุ้นเพิ่มขึ้น 5% ก่อนปิดตัว