ARM เข้าเทรด Nasdaq เรียบร้อยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา หุ้นบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 24.68% เหนือราคาเสนอขายที่ 51 ดอลลาร์ ก่อนเพิ่มขึ้น 56.10 ดอลลาร์ และปิดที่ 63.59 ดอลลาร์ ดันให้มูลค่าบริษัทสูงถึง 6.5 หมื่นล้านเหรียญหรือราว 2.3 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันทำให้ SoftBank บริษัทแม่ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดนั้นรวยขึ้นกว่า 4 แสนล้านบาทในคืนเดียว
การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในการ IPO ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา แม้จะยังมีมูลค่าต่ำกว่าสองเจ้าใหญ่ก่อนหน้านี้อย่าง Alibaba Group ในมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปี 2557 และ Meta หรือ Facebook มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปี 2555
ด้าน SoftBank ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดอยู่ 90% รวยเพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์หรือเกือบ 4 แสนล้านบาท จากการ IPO ในครั้งนี้ที่ได้เสนอขายต่อสาธารณะในจำนวน 10% ซึ่งระดมทุนได้ 4.87 พันล้านดอลลาร์ โดยมีนักลงทุนหลักรายใหญ่อย่าง Apple และ Nvidia ที่ได้ซื้อหุ้น Arm มูลค่า 735 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งยังได้รับความสนใจจาก Google, TMSC และ Samsung Electronics
หุ้นของ SoftBank เพิ่มขึ้นมากถึง 5.1% ในช่วงการซื้อขายช่วงเช้าตรู่ในโตเกียวเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ใหญ่ที่สุดในรอบสามเดือน
ก่อนหน้านี้ Softbank เคยพยายามขาย ARM ให้กับ Nvidia ในราคา 40 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นข้อตกลงด้านอุตสาหกรรมชิปที่ใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่หน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการผูกขาดทั่วโลกได้ยุติการดำเนินการดังกล่าว และข้อตกลงดังกล่าวก็ล้มเหลวในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ด้านนักวิเคราะห์ระบุ การ IPO ที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ของ ARM สร้างบรรยากาศที่เป็นบวกให้กับตลาด เปิดทางให้บริษัทอีกหลายเจ้าที่กำลังสนใจจะ IPO อีกทั้งเป็นสัญญาณการกลับมาของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหลังจากซบเซาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะความสนใจของนักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ต้องการจับคลื่น AI และชิปเซมิคอนดักเตอร์
โดยช่วงการการนำเสนอต่อนักลงทุน ARM ได้คาดการณ์ว่า ตลาดการออกแบบชิปโดยรวมถึงการเติบโตของการออกแบบชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลและรถยนต์ จะมีมูลค่าประมาณ 2.50 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 เลยทีเดียว
อ้างอิง Financial Times , CNN