สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาลกลางของจีนที่ระบุว่า รัฐบาลกลางจีนประกาศสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางใช้ iPhone อย่างเป็นทางการ หลังจากคำสั่งดังกล่าวถูกประกาศออกมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมโดยพนักงานในกระทรวงต่างๆ มีเวลาจนถึงสิ้นเดือนนี้ในการเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์ยี่ห้ออื่น โดยหลังจากข่าวเผยแพร่สู่สาธารณะหุ้น Apple ร่วงลง 3.6% ซึ่งถือเป็นการลดลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเดือนก่อนที่หุ้นบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในปีนี้
แหล่งข่าวระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติจากการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ผลิตโดยบริษัทสหรัฐฯ และเป็นความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์
โดยสนามเทคโนโลยีที่พ่วงกับความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมา Huawei และ ZTE คือ สองแบรนด์จีนหลักที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของสหรัฐฯ มานานแล้ว โดยอ้างถึง “ความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติที่ไม่สามารถยอมรับได้” นอกจากนี้ TikTok ล่าสุดก็ถูกแบนการใช้งานภายในรัฐต่าง ๆ เช่น นิวยอร์ก มอนแทนา นิวเจอร์ซีย์ โอไฮโอ เท็กซัส และจอร์เจีย เนื่องจากความกังวลว่ารัฐบาลจีนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานซึ่งเป็นพลเมืองอเมริกัน
อย่างไรก็ตาม ประเทศจีน คือ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของ Apple แม้ว่า Apple จะเริ่มย้ายการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ โดยข้อมูลจาก Counterpoint Research ระบุว่า iPhone ครองตลาดจีนถึง 17.2 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายภายในจีนคิดเป็นประมาณ 19% ของรายได้โดยรวม
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกลางจีนได้สั่งห้าม Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสหรัฐฯ เข้าไปในสถานที่ราชการและบริเวณทางการทหารและยังพิจารณาการออกข้อบังคับการใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศต่อเนื่อง การแบนในครั้งนี้อาจสร้างความกังวลให้กับแบรนด์ต่างประเทศอื่นๆ ที่นิยมในหมู่คนจีนอาจจะถูกจำกัดด้วยเช่นกัน
อ้างอิง CNN