นักลงทุนกุมขมับ ไบเดน คุมเข้ม สกัดลงทุนบริษัทเทคฯ จีน หวั่นใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนากองทัพ

โจ ไบเดน ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) เดินหน้าควบคุมการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของจีน โดยมุ่งเป้าไปที่การลงทุนเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีควอนตัม ตลอดจนความสามารถในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เงินทุนและความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เป็นประโยชน์กับการพัฒนากองทัพของจีนให้รุดหน้า ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับการลงทุนที่เกิดขึ้นใหม่ โดยไม่รวมถึงข้อตกลงที่มีอยู่เดิม และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีถัดไป

ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนสหรัฐฯ ทั้ง Private Equity และ VC ก็ได้ชะลอการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีที่มีความละเอียดอ่อนในจีนอย่างต่อเนื่อง จากความสัมพันธ์ที่มีทีท่าเลวร้ายลงตั้งแต่สมัย โดนัลด์ ทรัมป์ ในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่เทคโนโลยี นโยบายอุตสาหกรรมของจีน ตลอดจนประเด็นความมั่นคงแห่งชาติ

ซึ่งบริษัทร่วมทุนจากสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีให้กับบริษัทในระยะเริ่มต้น อย่าง Vine Ventures ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “เงินของสหรัฐฯ ไม่ควรถูกนำไปใช้เป็นทุนในการพัฒนาทางการทหารของปักกิ่ง”

และตามข้อมูลของ Dealogic ระบุว่าอัตราการเข้าซื้อบริษัทจีนโดยบริษัทในสหรัฐฯ ในปีนี้ลดลงเกือบ 60% จาก 8.8 พันล้าน (หรือประมาณ 3.08 แสนล้านบาท) เหลือ 3.5 พันล้าน (หรือประมาณ 1.22 แสนล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน นักลงทุนอีกหลายรายก็มีความกังวลว่าหากสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศดีขึ้น บริษัทสหรัฐฯ จะกลายเป็นฝั่งที่เสียเปรียบในการติดต่อธุรกิจ และการสร้างความไว้ใจให้กลับมาอีกครั้งก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ

ทางด้านนักวิจัยจากสถาบันสังคมศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ CASS ซึ่งเป็น Think Tank ชั้นแนวหน้าระดับรัฐบาลระบุว่าแม้ไบเดนจะมีข้อจำกัดมากมาย แต่จีนจะยังคงดำเนินนโยบายที่เปิดกว้างเพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ

อ้างอิง

CNBC, Reuters