การเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้มูลค่าหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้นถึง 3 เท่า ภายในเวลาไม่ถึง 8 เดือน ก้าวสู่บริษัทที่มีมูลค่าตลาด 1 ล้านล้านเหรียญ เมื่อวัน 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 5 ของบริษัทที่มูลค่าสูงสุดระดับโลก ในฐานะบริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่รายแรก ใช้เวลา 24 ปี หลัง IPO ซึ่งเร็วกว่า Apple ที่อยู่อันดับหนึ่งในขณะนี้ ซึ่งใช้เวลา 38 ปี ในการแตะระดับล้านล้านดอลลาร์
โดย Meta และ Tesla คือสองบริษัทที่มูลค่าบริษัทเคยแตะระดับ 1 ล้านล้านเหรียญ เมื่อเดือน มิ.ย. และ ต.ค. 2564 ตามลำดับ แต่ต่อมามูลค่าลดลงจนปัจจุบันเหลืออยู่ที่ประมาณ 6.78 แสนล้านเหรียญ และ 6.46 แสนล้านเหรียญ ตามลำดับ (รวบรวมข้อมูล ณ วันที่ 1 มิ.ย. 66)
สำหรับน้องใหม่อย่าง Nvidia ที่ล่าสุดหลังจากบริษัทประกาศผลดำเนินการไตรมาสแรกปี 66 เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ทำกำไรสุทธิไปได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ดันให้มูลค่าพุ่งทะลุเกณฑ์มาตรฐานเมื่อเปิดการซื้อขายมากกว่า 405 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก่อนตกลงไปที่ 401.11 หลังจากทำจุดสูงสุดที่ประมาณ 419 ดอลลาร์
หุ้นพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 26.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในหนึ่งวัน ทำระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 394.8 ดอลลาร์ ถูกคาดการณ์มูลค่าสูงสุดมีการประเมินว่าจะสูงถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ P/E อยู่ที่ 47.23 ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Qualcomm และ Intel และยังอยู่เหนือค่ามาตรฐานตามข้อมูลของ Refinitiv อ่านเพิ่มเติม NVIDIA ยักษ์ใหญ่ชิปโลก อาจเป็น ‘ผู้ชนะตัวจริง’ ในสมรภูมิ AI ยิ่งแข่งขันดุเดือดยิ่งได้ประโยชน์
ด้านนักวิเคราะห์และนักลงทุนยกให้ Nvidia เป็นบริษัทที่สำคัญที่สุดในโลกในยุคนี้ที่ประสิทธิภาพของ AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีชิปประมวลผลของ Nvidia ที่มีสัดส่วนผลิตอยู่ถึง 80% ทั่วโลก ทำให้ธุรกิจชิป AI ยังมีช่องว่างสำหรับการเติบโต ซึ่ง Generative AI ถือได้ว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และคาดว่าจะมีการยอมรับในวงกว้างในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ธุรกิจของบริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงการแพร่ระบาดโควิด อุปสงค์การใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเกมมิ่ง คริปโตเคอเรนซี และเมตาเวิร์ส กระตุ้นการใช้งานด้าน Data และ AI ต่อเนื่องยังระบบ Cloud Computing.
อ้างอิง Companiesmatketcap, Bloomberg, Reuters