หลังประกาศผลดำเนินการไตรมาสแรกปีนี้ ดูเหมือนว่า NVIDIA ผู้ผลิตและออกแบบชิปประมวลผลรายใหญ่สหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังมันสมอง ChatGPT จะกลายเป็นผู้ชนะตัวจริงในสมรภูมิเทคโนโลยี
ปีที่ผ่านมาความต้องการใช้งานและการลงทุน AI กลายเป็นเมกะเทรนด์เข้ามาแทนที่กระแสเทคโนโลยีอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก ChatGPT แชตบอทอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI ที่พัฒนาโดยบริษัท OpenAI ได้สร้างแรงกระเพื่อมใหม่ในหมู่บิ๊กเทคฯ สตาร์ทอัพ และผู้ใช้งานในวงกว้างทั่วโลก
สำหรับไตรมาส 1/66 NVIDIA ทำรายได้รวม 7.19 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จากปีที่แล้ว โดยรายได้หลัก 60% มาจากกลุ่มธุรกิจ Data Center 60% ซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการชิป GPU จากผู้จำหน่ายระบบคลาวด์ และผู้บริโภครายใหญ่อย่าง OpenAI ที่ใช้ GPU ของ Nvidia อยู่ถึง 10,000 ตัวกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์หลายหมื่นตัวเพื่อเทรนด์โมเดล รองลงมา คือ ธุรกิจเกมมิ่ง ธุรกิจแพลตฟอร์มสำหรับงาน Visualization ธุรกิจชิปประมวลผลสำหรับยานยนต์
หุ้น NVIDIA พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 26.7% หลังจากประกาศผลดำเนินการเมื่อวันพฤหัสบดี (25 พ.ค.) และยังเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในหนึ่งวัน ซึ่งถือเป็นการซื้อขายที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทำระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 394.8 ดอลลาร์ และมากไปกว่านั้น มูลค่าบริษัทของ NVIDIA เพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์อยู่ที่ประมาณ 9.5 แสนล้านดอลลาร์ ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 แซงหน้า Berkshire Hathaway, Meta, Tesla และ TSMC บริษัทชิปที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน นับเป็นมูลค่าสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา เรียกได้ว่า นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่สำหรับบริษัทในสหรัฐฯ
จากการคาดการณ์ที่ว่าปี 2566 คือปีแห่ง AI บทพิสูจน์ที่เห็นชัดเจน คือ ผลตอบแทนรายได้ของแพลตฟอร์มการประมวลผลข้อมูลหรือเทคโนโลยีเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมคลาวด์ที่ได้ทยอยรายงานผลรายได้ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากอานิสงค์ของ AI ในก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นไปตามที่หลายสำนักคาดการณ์ว่า อุตสหากรรมชิปประมวลผลหรือ GPU ที่เปรียบเสมือน สมองขนาดใหญ่ เบื้องหลังโมเดลภาษาและเทคโนโลยีแวดล้อมอื่นๆ ของ AI เช่น Data, Software ก็จะได้รับผลบวกด้วยเช่นกันหลังจากนี้
Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวว่า อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์นั้นกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง 2 อย่างพร้อมกัน คือ การประมวลผลที่ชาญฉลาด และ Generative AI ซึ่งผลลัพธ์ของ Nvidia แสดงให้เห็นว่า AI อาจเป็นเทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งต่อไป