กระแส AI มาแรง หนุนธุรกิจคลาวด์พุ่งไม่หยุด ดัน Microsoft Azure ผลงานโตเด่น ฟาก Google Cloud ทำกำไร

บิ๊กเทคทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66 นำโดย Microsoft และ Alphabet ที่มีผลประกอบการที่โดดเด่นจากแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยจากอานิสงส์ของเทคโนโลยี AI ที่ได้รับความนิยมก้าวกระโดดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถือเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสองรายแรกที่อาจกลับมากระตุ้นให้ตลาดโดยรวมพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง 

Microsoft มีรายรับ 52.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมีนาคม จาก 49.36 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หุ้นเพิ่มขึ้น 8.3% หลังการซื้อขาย กำไรต่อหุ้นปรับลดอยู่ที่ 2.45 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 10% โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจหลัก

ได้แก่ บริการคลาวด์คอมพิวติ้งมากสุดและซอฟต์แวร์ Office 365 มีรายได้ 28.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% ตามด้วยบริการ Intelligent Cloud ของ Microsoft ที่รวมถึง Enterprise Services, SQL Server และ Windows Server, Azure public cloud  ซึ่งมีรายได้ 22.08 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% โดยบริษัทกล่าวถึงผลสืบเนื่องจากความนิยมของ AI หลังบริษัทเปิดเผยว่าทำงานร่วมมือกับผู้สร้าง ChatGPT ของ OpenAI และการเปิดตัวขบวนผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ที่ใช้ AI ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

ด้านสัตยา นาเดลลา ซีอีโอ Mictosoft กล่าวกับนักลงทุนในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า Microsoft Cloud เป็นแพลตฟอร์มทางเลือกที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากนวัตกรรมของ AI  ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าบริการ Azure-OpenAI มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากไตรมาสก่อนเป็น 2,500 ราย บริการ Github Copilot ได้รับการตอบรับจากธุรกิจ 10,000 แห่งทั่วโลก Bing เครื่องมือค้นหามีผู้ใช้ 100 ล้านรายต่อวันและได้เห็นการดาวน์โหลดที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่มีการเพิ่มคุณสมบัติ AI  

ขณะเดียวกัน Alphabet มีรายรับอยู่ที่ 69.79 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา หุ้นพุ่งขึ้นกว่า 4% โดยกำไรต่อหุ้นปรับลดอยู่ที่ 1.17 ดอลลาร์ รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากธุรกิจการค้นหาและโฆษณา แต่ไฮไลต์คือหน่วยคลาวด์ของบริษัทที่ทำกำไรได้เป็นครั้งแรกหลังขาดทุนมานานกว่า 3 ปี  

สำหรับ Google Cloud ประกอบด้วย Google Cloud Platform ซึ่งให้เช่าโครงสร้างพื้นฐานและบริการระบบคลาวด์ที่บริษัทต่างๆ ทำรายได้ไป 7.45 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 5.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้น 27.5% ทำกำไรหลังจากขาดทุนมานานกว่า 3 ปี รายงานยังระบุ ผลการดำเนินงานสะท้อนถึงความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นของ DeepMind, Google Services และ Google Cloud ซึ่งถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก 

จะเห็นว่าการที่ AI ถูกพูดถึงและนำมาใช้ในระดับธุรกิจได้ส่งผลถึงเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ขับเคลื่อนขุมพลังมหาศาล แต่องค์กรธุรกิจยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะการปรับย้ายระบบการทำงานมายังการประมวลผลแบบคลาวด์ การแข่งขันที่สูงขึ้นจาก Microsoft และ OpenAI ทำให้ Azure ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ Amazon Web Service และ Google Cloud ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในไม่ถึง 6 เดือน ถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่จะฟื้นฟูสู่ตำแหน่งยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อ่านเพิ่มเติมถึงการแข่งขันที่ดุเดือดของธุรกิจคลาวด์  

อ้างอิง Bloomberg , CNBC