นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าวอยู่ภายใต้งบประมาณระดับชาติที่จะช่วยผลักดันให้ มาเลเซีย ติดอันดับสู่ประเทศที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพใน 20 อันดับแรกของโลก ภายใน 7 ปีนี้ โดยรัฐบาลได้จัดสรรเงิน 28 ล้านริงกิต หรือประมาณ 5.92 ล้านดอลลาร์ อัดฉีดหน่วยงานที่สนับสุนนระบบนิเวศสตาร์ทอัพของประเทศที่ดำเนินการโดย MOSTI เรียกว่า ‘MYStartup’
พร้อมทั้งเตรียมปรับโครงสร้างในการรวมหน่วยงานร่วมลงทุน (Venture Capital) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น Malaysia Venture Capital Management (MAVCAP) ที่ก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ (MOSTI) มีพอร์ตการลงทุนประมาณ 1.06 พันล้านดอลลาร์ โดยที่ผ่านมามีการลงทุนในบริษัทร่วมทุน 500 Global Southeast Asia, Gobi Partners และ Lunax Ventures ในสิงคโปร์ รวมถึง Penjana Kapital ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้กระทรวงการคลัง มาอยู่ภายใต้กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ‘Khazanah Nasional’ เช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ DealStreetAsia รายงานว่า มาเลเซีย มีหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานที่มีบทบาทในการดูแลด้านการลงทุนของประเทศ ซึ่งมีความทับซ้อนกัน ส่งผลต่อการจัดสรรใช้เงินทุน และทรัพยากที่ไร้ประสิทธิภาพ
ปัจจุบันกองทุน VC ในมาเลเซียได้รับการยกเว้นจากแหล่งที่มาของรายได้เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือตามอายุคงเหลือของกองทุน โดยรัฐบาลยังกำลังพิจารณายกเว้นภาษีกำไรจากการขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ได้รับอนุมัติ การปรับโครงสร้างภายใน และบริษัทร่วมลงทุน ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเตรียมผ่อนปรนเงื่อนไขโครงการ Malaysia My Second Home (MM2H) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ และนักลงทุนให้มาอาศัยอยู่ในมาเลเซียในระยะยาว เพื่อเพิ่มกิจกรรมการลงทุนในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ รวมถึงตลาดเงินของมาเลเซีย.
อ้างอิง : DealStreetAsia