แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด บริษัทร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital: CVC) ภายใต้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า จากกรณีธนาคาร Silicon Valley เกิดปัญหาด้านสภาพคล่อง จนต้องปิดตัวลง ซึ่งได้สร้างผลกระทบกับระบบนิเวศเทคสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ได้กระทบกับระบบนิเวศสตาร์ทอัพในไทยและอาเซียนโดยตรง
โดยในมุมมองของนักลงทุนตลาดบ้านเรายังคงมีศักยภาพเติบโตสูงในแง่ของการระดมทุน เพียงแต่จำนวนของสตาร์ทอัพที่มีอาจโตไม่ทันฝั่งซัพพลาย
ขณะที่การลงทุนของ Venture Capital จากฝั่งสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่มักจะลงทุนสตาร์ทอัพในสิงคโปร์และอินโดนีเซีย อีกทั้งยังเป็นสัดส่วนที่น้อย และในขณะเดียวกันอีกนักลงทุนไทยที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ และกองทุนฝั่งสหรัฐฯ ยังมีสัดส่วนน้อยเช่นเดียวกัน โดยรวมมีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดปัญหาเหมือนในสหรัฐฯ
ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดชั่วคราวเท่านั้น แต่ในระยะยาวไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักลงทุนยังคงมองหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง และจุดนี้สตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยีสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสและดึงเม็ดเงินสู่การลงทุนในภูมิภาค
อย่างไรก็ดี ด้วยปัญหาขาดสภาพคล่องที่สะสมในช่วงโควิดของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่และสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ บวกกับผลกระทบจากวิกฤติสภาพคล่องของธนาคารสตาร์ทอัพครั้งนี้ อาจทำให้การระดมทุนในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง กอปรกับการเพิ่มเติมของกฎระเบียบการลงทุนที่ต้องกระจายความเสี่ยงมากขึ้น จากเดิมที่นักลงทุนมักฝากเงินไว้ที่ธนาคารเพียงแห่งเดียว เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดกับนักลงทุนและกองทุนส่วนบุคคล ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศต้องเพิ่มระมัดระวังในการลงทุน ประเมินความเสี่ยงและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด